แรงดันไฟฟ้าเป็นหัวใจสำคัญของระบบไฟฟ้า หากแรงดันตกลงต่ำกว่าค่ามาตรฐาน จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ มาตรฐานแรงดันตกสำหรับระบบแรงต่ำ ผลกระทบ การแก้ปัญหา และการคำนวณแรงดันตกกันอย่างละเอียด
แรงดันตก คืออะไร?
จากมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2564 ได้นิยามว่า แรงดันตก คือ แรงดันไฟฟ้าที่สูญเสียไปในสายไฟฟ้าระหว่างทางที่กระแสไหล การหาค่าแรงดันตกจึงเป็นการหาค่าแรงดันไฟฟ้าที่ปลายทางเทียบกับต้นทาง ซึ่งสาเหตุของแรงดันตกเกิดจากอิมพีแดนซ์ของสายไฟฟ้าเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ปกติค่าแรงดันตกจะคิดเป็นร้อยละจากแรงดันที่ระบุต้นทาง
ผลกระทบของแรงดันตก
เมื่อค่าแรงดันไฟฟ้าที่ปลายทางต่ำจะเกิดผลเสียต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานผิดปกติจากการที่มีกระแสไหลไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นมากเกินไป โดยเฉพาะมอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อมีการใช้งานที่สภาวะแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่าพิกัด ทำให้อุณหภูมิของขดลวดมีค่าสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าความเป็นฉนวนของขดลวดลดลง และอายุการใช้งานของมอเตอร์ลดลงในที่สุด
มาตรฐานแรงดันตกสำหรับระบบแรงต่ำ
มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2564 กำหนดค่าแรงดันตกสำหรับระบบแรงต่ำไว้ ดังนี้
1. กรณีรับไฟแรงต่ำจากการไฟฟ้าฯ
แรงดันตกคิดจากเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าถึงจุดใช้ไฟจุดสุดท้าย (จุดที่มีค่าแรงดันตกสูงสุด) รวมกันต้องไม่เกิน 5% จากระบบแรงดันที่ระบุ
2. กรณีรับไฟแรงสูงจากการไฟฟ้าฯ
แรงดันตกคิดจากบริภัณฑ์ประธานแรงต่ำ หรือตู้จ่ายไฟฟ้าหลัก (MDB) จนถึงจุดใช้ไฟจุดสุดท้ายรวมกันต้องไม่เกิน 5% จากระบบแรงดันที่ระบุ
ทั้งนี้ยังมีการกำหนดค่าแรงดันตกสำหรับงานระบบไฟฟ้าของอาคารไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯ ว่า “เมื่อใช้กระแสไฟฟ้าเต็มที่ตามที่กำหนดในแบบระบบไฟฟ้า แรงดันที่สายวงจรย่อยจะแตกต่างจากแรงดันไฟฟ้าที่แผงสวิตช์ประธานได้ไม่เกินร้อยละ 5” ด้วยเช่นกัน
การแก้ปัญหาแรงดันตก
ปกติค่าแรงดันตกในระบบแรงต่ำ วิศวกรไฟฟ้าจะมีการคำนวณและออกแบบแรงดันตกในระบบไฟฟ้าให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องตามมาตรฐานการประกอบวิชาชีพทางวิศวกรรม โดยขั้นตอนการคำนวณออกแบบขนาดสายไฟฟ้า นอกเหนือจากพิจารณาค่าความสามารถในการนำกระแสของสายให้มากกว่ากระแสของโหลดแล้ว ยังต้องมีการคำนวณค่าแรงดันตกให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดอีกด้วย หากมีค่าร้อยละของแรงดันตกในสายมากกว่าที่กำหนด วิศวกรไฟฟ้าจะออกแบบโดยการเพิ่มขนาดสายเพื่อให้ค่าอิมพีแดนซ์ของสายลดลง ส่งผลให้ค่าแรงดันตกลดลงเป็นไปตามข้อกำหนดในมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าแรงดันตกในระบบไฟฟ้าได้แก่ ชนิดของตัวนำ (ทองแดง หรืออะลูมิเนียม) ขนาดของสาย ความยาวสาย และวิธีการวางสายไฟ รวมทั้งค่าตัวประกอบกำลังวงจรของโหลด เป็นต้น

การคำนวณแรงดันตกโดยใช้สมการ
การคำนวณหาค่าแรงดันตกจะเป็นการหาค่าสูงสุด ดังนั้นในการคำนวณค่าแรงดันตกจะใช้ค่าความต้านทานกระแสสลับที่อุณหภูมิพิกัดใช้งานของสายไฟฟ้าคือ อุณหภูมิ 70°C สำหรับสายพีวีซี และอุณหภูมิ 90°C สำหรับสาย XLPE และค่ารีแอกแตนซ์หรือค่า XL ของสายไฟฟ้านั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของสาย และเปลี่ยนแปลงตามวิธีการวางสายไฟฟ้า ดังนั้นการคำนวณค่าแรงดันตกจึงมีความยุ่งยากในขั้นตอนการหาค่าอิมพีแดนซ์ของสายไฟ เช่น สาย PVC กับ XLPE ที่มีขนาดเท่ากัน และวิธีการวางสายเหมือนกัน จะมีค่าแรงดันตกไม่เท่ากัน เนื่องจากค่าต้านทานกระแสสลับของสายที่ไม่เท่ากัน สมการแรงดันตกที่เป็นค่าโดยประมาณจะแสดงได้ดังนี้
1. แรงดันตกวงจร 3 เฟส
วงจร 3 เฟส 4 สาย (สายเส้นไฟ L1, L2, L3 และสายนิวทรัล N) มีสมมติฐานว่าเป็นวงจรสมดุล ไม่มีกระแสไหลกลับที่สายนิวทรัล สมการจะได้ดังนี้
VD = √3 x I(RL cos θ + XL sin θ) x L
ทำเป็นเปอร์เซ็นต์หารด้วยระบบแรงดัน สำหรับระบบแรงดัน 230/400 V
%VD = VD400 x 100
2. แรงดันตกวงจร 1 เฟส
วงจร 1 เฟส 2 สาย (สายเส้นไฟ L และสายนิวทับ N) แรงดันตกจะเกิดขึ้นในสายไฟทั้งสองเส้น (L และ N) ในสมการจะได้ดังนี้
VD = 2 x I(RL cos θ + XL sin θ) x L
ทำเป็นเปอร์เซ็นต์หารด้วยระบบแรงดัน สำหรับระบบแรงดัน 230/400 V
%VD = VD230 x 100
เมื่อ RL คือค่าความต้านทานกระแสสลับที่อุณหภูมิพิกัดใช้งานของสายไฟฟ้า และ XL คือค่ารีแอกแตนซ์ของสายไฟฟ้าจะเปลี่ยนแปลงตามวิธีการวางสายไฟฟ้า
การคำนวณแรงดันตกโดยใช้ตาราง
วิธีที่ง่ายและสะดวกในการคำนวณแรงดันตก คือการใช้ตารางที่ระบุไว้ในมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2564, ภาคผนวก ฐ ใช้ประกอบการคำนวณ และเพื่อให้สะดวกในการใช้งานของตารางจึงได้กำหนดไว้เป็นค่าสูงสุด โดยค่าแรงดันตกจะถูกคำนวณตั้งแต่ค่า P.F. = 0.85 (ล้าหลัง) ไปจนถึง P.F. = 1.0 แล้วเลือกค่าแรงดันตกสูงสุดมาใส่ไว้ในตาราง โดยอ้างอิงการคำนวณจากมาตรฐาน BS 7671
การหาค่าแรงดันตกจากตาราง ผู้ใช้งานต้องเริ่มจากประเภทของสายเป็นสาย PVC หรือ สาย XLPE, สายชนิดแกนเดียว หรือหลายแกน, วงจรชนิด 1 เฟส หรือ 3 เฟส รวมทั้งรูปแบบการติดตั้งของสายไฟ ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องเลือกใช้ตารางแรงดันตกสำหรับสายไฟฟ้าให้ถูกต้อง โดยขนาดของสายไฟที่ไม่เกิน 16 ตารางมิลลิเมตร จะคำนวณเฉพาะค่าความต้านทานกระแสสลับเท่านั้น โดยจะละเลยค่ารีแอกแตนซ์ที่มีค่าน้อยในการคำนวณ โดยรูปแบบการติดตั้งหรือกลุ่มการเดินสาย มีรายละเอียดดังนี้
- กลุ่มที่ 1 สายแกนเดียวหรือหลายแกนหุ้มฉนวน มี/ไม่มีเปลือกนอก เดิน ช่องเดินสายโลหะหรืออโลหะ ภายในฝ้าเพดานที่เป็นฉนวนความร้อน หรือผนังกันไฟ
- กลุ่มที่ 2 สายแกนเดียวหรือหลายแกนหุ้มฉนวน มี/ไม่มีเปลือกนอก เดินในช่องเดินสายโลหะหรืออโลหะเดินเกาะผนังหรือเพดาน หรือผังในผนังคอนกรีตหรือที่คล้ายกัน
- กลุ่มที่ 3 สายแกนเดียวหรือหลายแกนหุ้มฉนวนมีเปลือกนอก เดินเกาะผนัง หรือเพดาน ที่ไม่มีสิ่งปิดหุ้มที่คล้ายกัน
- กลุ่มที่ 4 สายเคเบิลแกนเดียวหุ้มฉนวน มี/ไม่มีเปลือกนอก วางเรียงกันแบบมีระยะห่าง เดินบนฉนวนลูกถ้วยในอากาศ
- กลุ่มที่ 5 สายแกนเดียวหรือหลายแกนหุ้มฉนวนมีเปลือกนอก เดินในท่อโลหะหรือท่ออโลหะฝังดิน
- กลุ่มที่ 6 สายแกนเดียว หรือหลายแกน หุ้มฉนวน มีเปลือกนอก ฝังดินโดยตรง
- กลุ่มที่ 7 สายเคเบิลแกนเดียวหรือหลายแกนหุ้มฉนวน มีเปลือกนอก วางบนรางเคเบิลแบบด้านล่างทึบ รางเคเบิลแบบระบายอากาศ หรือรางเคเบิลแบบบันได
(ตารางที่ ฐ.1) แรงดันตกสำหรับสายไฟฟ้า ฉนวน PVC แกนเดียว ที่ 70°c
ขนาดสาย(ตร. มม.) | 1 เฟส AC (mV/A/m) | 3 เฟส AC (mV/A/m) | |||||
รูปแบบการติดตั้ง | |||||||
กลุ่มที่ 1,2 และ 5 | กลุ่มที่ 3,4,6,7 | กลุ่มที่ 1,2 และ 5 | กลุ่มที่ 3,4,6,7 | ||||
Touching | Spaced | Trefoil | Flat | Spaced | |||
1.0 | 44 | 44 | 44 | 38 | 38 | 38 | 38 |
1.5 | 29 | 29 | 29 | 25 | 25 | 25 | 25 |
2.5 | 18 | 18 | 18 | 15 | 15 | 15 | 15 |
4 | 11 | 11 | 11 | 9.5 | 9.5 | 9.5 | 9.5 |
6 | 7.3 | 7.3 | 7.3 | 6.4 | 6.4 | 6.4 | 6.4 |
10 | 4.4 | 4.4 | 4.4 | 3.8 | 3.8 | 3.8 | 3.8 |
16 | 2.8 | 2.8 | 2.8 | 2.4 | 2.4 | 2.4 | 2.4 |
25 | 1.81 | 1.75 | 1.75 | 1.52 | 1.50 | 1.50 | 1.52 |
35 | 1.33 | 1.25 | 1.27 | 1.13 | 1.11 | 1.12 | 1.15 |
50 | 1.00 | 0.94 | 0.97 | 0.85 | 0.81 | 0.84 | 0.86 |
70 | 0.71 | 0.66 | 0.69 | 0.61 | 0.57 | 0.60 | 0.63 |
95 | 0.56 | 0.50 | 0.54 | 0.48 | 0.44 | 0.47 | 0.50 |
120 | 0.48 | 0.41 | 0.45 | 0.40 | 0.35 | 0.39 | 0.43 |
150 | 0.41 | 0.35 | 0.39 | 0.35 | 0.30 | 0.34 | 0.38 |
185 | 0.36 | 0.29 | 0.34 | 0.31 | 0.26 | 0.30 | 0.34 |
240 | 0.30 | 0.25 | 0.29 | 0.27 | 0.21 | 0.25 | 0.29 |
300 | 0.27 | 0.22 | 0.26 | 0.24 | 0.18 | 0.23 | 0.26 |
400 | 0.25 | 0.19 | 0.23 | 0.22 | 0.16 | 0.20 | 0.24 |
500 | 0.23 | 0.17 | 0.21 | 0.20 | 0.15 | 0.18 | 0.22 |
(ตารางที่ ฐ. 2) แรงดันตกสำหรับสายไฟฟ้าฉนวน PVC หลายแกน ที่ 70°c
ขนาดสาย(ตร. มม.) | 1 เฟส AC(mV/A/m) | 3 เฟส AC(mV/A/m) |
ทุกกลุ่มการติดตั้ง | ทุกกลุ่มการติดตั้ง | |
1.0 | 44 | 38 |
1.5 | 29 | 25 |
2.5 | 18 | 15 |
4 | 11 | 9.5 |
6 | 7.3 | 6.4 |
10 | 4.4 | 3.8 |
16 | 2.8 | 2.4 |
25 | 1.75 | 1.50 |
35 | 1.25 | 1.10 |
50 | 0.93 | 0.80 |
70 | 0.65 | 0.57 |
95 | 0.49 | 0.43 |
120 | 0.41 | 0.36 |
150 | 0.34 | 0.29 |
185 | 0.29 | 0.25 |
240 | 0.24 | 0.21 |
300 | 0.21 | 0.18 |
400 | 0.17 | 0.15 |
(ตารางที่ ฐ.3) แรงดันตกสำหรับสายไฟฟ้า ฉนวน XLPE แกนเดียว ที่ 90°c
ขนาดสาย(ตร. มม.) | 1 เฟส AC (mV/A/m) | 3 เฟส AC (mV/A/m) | |||||
รูปแบบการติดตั้ง | |||||||
กลุ่มที่ 1,2 และ 5 | กลุ่มที่ 3,4,6,7 | กลุ่มที่ 1,2 และ 5 | กลุ่มที่ 3,4,6,7 | ||||
Touching | Spaced | Trefoil | Flat | Spaced | |||
1.0 | 46 | 46 | 46 | 40 | 40 | 40 | 40 |
1.5 | 31 | 31 | 31 | 27 | 27 | 27 | 27 |
2.5 | 19 | 19 | 19 | 16 | 16 | 16 | 16 |
4 | 12 | 12 | 12 | 10 | 10 | 10 | 10 |
6 | 7.9 | 7.9 | 7.9 | 6.8 | 6.8 | 6.8 | 6.8 |
10 | 4.7 | 4.7 | 4.7 | 4.0 | 4.0 | 4.0 | 4.0 |
16 | 2.9 | 2.9 | 2.9 | 2.5 | 2.5 | 2.5 | 2.5 |
25 | 1.85 | 1.85 | 1.85 | 1.60 | 1.57 | 1.58 | 1.60 |
35 | 1.37 | 1.35 | 1.37 | 1.17 | 1.14 | 1.15 | 1.17 |
50 | 1.04 | 1.00 | 1.02 | 0.91 | 0.87 | 0.87 | 0.90 |
70 | 0.75 | 0.70 | 0.73 | 0.65 | 0.61 | 0.62 | 0.64 |
95 | 0.58 | 0.52 | 0.56 | 0.50 | 0.45 | 0.46 | 0.50 |
120 | 0.49 | 0.42 | 0.47 | 0.42 | 0.37 | 0.38 | 0.42 |
150 | 0.42 | 0.36 | 0.40 | 0.37 | 0.31 | 0.33 | 0.37 |
185 | 0.37 | 0.31 | 0.35 | 0.32 | 0.26 | 0.27 | 0.31 |
240 | 0.32 | 0.25 | 0.30 | 0.27 | 0.22 | 0.23 | 0.27 |
300 | 0.28 | 0.22 | 0.26 | 0.24 | 0.19 | 0.20 | 0.24 |
400 | 0.25 | 0.19 | 0.23 | 0.22 | 0.17 | 0.18 | 0.22 |
500 | 0.23 | 0.17 | 0.21 | 0.20 | 0.15 | 0.16 | 0.20 |
(ตารางที่ ฐ.4) แรงดันตกสำหรับสายไฟฟ้า ฉนวน XLPE หลายแกน ที่ 90°c
ขนาดสาย(ตร. มม.) | 1 เฟส AC(mV/A/m) | 3 เฟส AC(mV/A/m) |
ทุกกลุ่มการติดตั้ง | ทุกกลุ่มการติดตั้ง | |
1.0 | 46 | 40 |
1.5 | 31 | 27 |
2.5 | 19 | 16 |
4 | 12 | 10 |
6 | 7.9 | 6.8 |
10 | 4.7 | 4.0 |
16 | 2.9 | 2.5 |
25 | 1.85 | 1.60 |
35 | 1.35 | 1.15 |
50 | 0.99 | 0.86 |
70 | 0.68 | 0.60 |
95 | 0.52 | 0.44 |
120 | 0.42 | 0.36 |
150 | 0.35 | 0.31 |
185 | 0.30 | 0.25 |
240 | 0.24 | 0.22 |
300 | 0.21 | 0.18 |
400 | 0.19 | 0.16 |
การเข้าใจเรื่องแรงดันตกเป็นสิ่งสำคัญในการออกแบบและติดตั้งงานระบบไฟฟ้า อีกทั้งการเลือกใช้อุปกรณ์ติดตั้งอย่างตู้คอนโทรลและรางครอบสายไฟ ที่ผลิตด้วยวัสดุคุณภาพ ผลิตจากเครื่องจักรที่ทันสมัย ผ่านการรับรองมาตรฐาน จะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและความผิดพลาดจาการติดตั้งงานระบบไฟฟ้า ทำให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเสถียรภาพ และเกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในขณะใช้งาน