RoHS คืออะไร? สารต้องห้าม RoHS 10 ชนิด มีอะไรบ้าง

RoHS คืออะไร? สารต้องห้าม RoHS 10 ชนิด มีอะไรบ้าง

สาร RoHS คือสารที่พบในกระบวนการผลิตเพื่อวัตถุประสงค์หลายอย่าง เช่น การทำพลาสติกให้มีความยืดหยุ่น การเคลือบผิวโลหะ การหน่วงการติดไฟให้กับวัตถุ เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้แม้จะมีประโยชน์ในกระบวนการผลิต แต่ก็มีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก และในปัจจุบันที่การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้ใช้งานมากขึ้น การออกมาตรฐานเพื่อควบคุมการใช้สารเคมีอันตรายหรือมาตรฐาน RoHS คืออีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานและผู้ใช้งาน

ในบทความนี้จะพามาทำความเข้าใจว่า RoHS คืออะไร มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร รวมถึงสารต้องห้าม RoHS มีอะไรบ้าง ตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ให้ปลอดภัยสำหรับการใช้งานในระยะยาว

RoHS คืออะไร?

Restriction of Hazardous Substances หรือ RoHS คือข้อกำหนดที่ใช้ควบคุมปริมาณการใช้สารเคมีอันตราย เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม และอื่น ๆ โดยเน้นควบคุมในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายประเภท เพื่อลดมลพิษจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่อาจปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อมระหว่างกระบวนการกำจัดขยะ นอกจากนี้ RoHS ยังมีเป้าหมายเพื่อลดอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ระหว่างกระบวนการผลิตและการใช้งานอุปกรณ์เหล่านั้นด้วย

โดยผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐาน RoHS มักจะมีการระบุข้อความ RoHS Compliant หรือ Pb-Free และบางครั้งอาจใช้สัญลักษณ์ Pb ที่ถูกขีดทับ เนื่องจากไม่มีสัญลักษณ์ RoHS อย่างเป็นทางการในระดับสากล

สารต้องห้าม RoHS 10 ชนิด มีอะไรบ้าง?

ในปัจจุบัน สารต้องห้ามที่ระบุไว้ตามมาตรฐาน RoHS มีทั้งหมด 10 ชนิด ได้แก่

  1. ตะกั่ว (Lead, Pb)

ตะกั่วเป็นหนึ่งในสาร RoHS ที่พบได้บ่อยที่สุด นิยมใช้ในแบตเตอรี่รถยนต์ แผงวงจรไฟฟ้า จอมอนิเตอร์แบบ CRT รวมถึงในงานบัดกรีอุปกรณ์ต่าง ๆ การสูดดมไอระเหยของตะกั่วสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายได้หลายส่วน โดยเฉพาะระบบประสาท และยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้ทารกในครรภ์เกิดความผิดปกติหากได้รับสารนี้ในปริมาณมาก

  1. ปรอท (Mercury, Hg)

ปรอท เป็นโลหะหนักที่มีคุณสมบัติในการเปล่งแสงสว่างเมื่อได้รับความร้อนสูง จึงนิยมใช้ในการผลิตหลอดไฟ เช่น หลอดเมทัลฮาไลด์ หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดแสงจันทร์ เป็นต้น ปรอทสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น การหายใจ การกิน หรือการดูดซึมผ่านผิวหนัง และส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือหมดสติได้

  1. แคดเมียม (Cadmium, Cd)

แคดเมียมเป็นสารเคมีอันตรายที่นิยมใช้งานในอุตสาหกรรมในหลากหลายวัตถุประสงค์ เช่น การผลิตแบตเตอรี่แบบนิกเกิล-แคดเมียม (Ni-Cd), การเคลือบผิวโลหะ, การผลิตเม็ดสี เป็นต้น หากแคดเมียมเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ เป็นพิษต่อไต กระดูก และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง

  1. โครเมียมเฮกซะวาเลนท์ (Hexavalent Chromium, Cr6+)

Hexavalent Chromium เป็นรูปแบบหนึ่งของโครเมียมที่เป็นพิษร้ายแรง และเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ มักนำมาใช้ในการชุบโลหะเพื่อป้องกันการกัดกร่อน เนื่องจากมีความสวยเงางาม และมีต้นทุนที่ถูกกว่า เมื่อสัมผัสสารเหล่านี้จะทำให้เกิดผิวหนังอักเสบและแผลเรื้อรัง หรือหากกระเด็นเข้าตาอาจทำให้กระจกตาเสียหายหรือร้ายแรงถึงตาบอด

  1. โพลีโบรมิเนทไบฟีนิล (Polybrominated Biphenyls, PBBs)

โพลีโบรมิเนทไบฟีนิล เป็นสารเคมีที่ใช้ทำหน้าที่หน่วงการติดไฟในพลาสติกที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีคุณสมบัติทนความร้อนและทนทานต่อการสลายตัว แต่มีความเป็นพิษสูง และสามารถปนเปื้อนในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ หากเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เกิดการคลื่นไส้ ปวดท้อง เบื่ออาหาร และเจ็บปวดตามข้อกระดูก

  1. โพลีโบรมิเนทไดฟีนิลอีเทอร์ (Polybrominated Diphenyl Ethers, PBDEs)

โพลีโบรมิเนตไดฟีนิลอีเทอร์ นิยมใช้เป็นสารหน่วงการติดไฟในผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด เช่น พลาสติก เฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในอดีตถูกนำมาใช้ทดแทน PBBs เพราะสามารถใช้งานได้หลากหลายกว่า และเป็นพิษน้อยกว่า แต่หากสัมผัสเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เกิดความผิดปกติในการทำงานของต่อมไทรอยด์และฮอร์โมนอื่น ๆ

  1. Di(2-เอทิลเฮกซิล)พทาเลต (Di(2-Ethylhexyl) Phthalate, DEHP)

DEHP หรือ Di(2-ethylhexyl) phthalate คือสารเคมีที่ใช้เพิ่มความอ่อนตัวและความยืดหยุ่นให้กับพลาสติก โดยเฉพาะพลาสติกชนิดพีวีซี (PVC) นิยมใช้อย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เช่น ถุงน้ำเกลือ, หน้ากากช่วยหายใจ, ถุงมือยาง โดยสาร DEHP ถือเป็นสารก่อมะเร็ง และส่งผลเสียต่อระบบสืบพันธุ์ทั้งเพศชายและหญิง

  1. บิวทิลเบนซิลพทาเลต (Butyl Benzyl Phthalate, BBP)

Butyl Benzyl Phthalate หรือ BPP เป็นสารเคมีเหลวที่ใช้ผสมกับพลาสติกเพื่อให้มีความยืดหยุ่นขึ้น นิยมใช้ในงานเคลือบพื้นไวนิล, กาว และสีบางชนิด โดยสาร BBP ถูกกำหนดให้เป็นสารเคมีอันตราย เนื่องจากมีผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อตัวอ่อนในครรภ์ได้

  1. ไดบิวทิลพทาเลต (Dibutyl Phthalate, DBP)

Dibutyl Phthalate เป็นอีกหนึ่งสารเคมีในกลุ่ม Phthalate หรือสารให้ความยืดหยุ่นตัวสำหรับพลาสติก เพื่อให้สะดวกต่อการดัด งอ ขึ้นรูป และเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อน มักพบในผลิตภัณฑ์พลาสติก PVC ยาฆ่าแมลง หรือน้ำยาทาเล็บ ปัจจุบันนิยมใช้งานน้อยลงเนื่องจากเป็นอันตรายต่อระบบต่อมไร้ท่อ และระบบสืบพันธุ์

  1. ไดไอโซบิวทิลพทาเลต (Diisobutyl Phthalate, DIBP)

Diisobutyl Phthalate (DIBP) เป็นสารให้ความยืดหยุ่นตัวสำหรับพลาสติกเช่นเดียวกับ Dibutyl Phthalate (DBP) มีโครงสร้างทางเคมีที่คล้ายกัน แต่มีความแตกต่างคือมีความหนืดน้อยกว่า มักใช้ในกาว หมึกพิมพ์ และสารเคลือบ หากสัมผัสสารประเภทนี้เป็นจำนวนมากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา ผิวหนัง และทางเดินหายใจได้

แผงวงจรไฟฟ้า หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจาก RoHS

ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจาก RoHS

เนื่องจาก RoHS เป็นมาตรฐานที่จำกัดการใช้สารเคมีอันตรายในผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรฐานนี้คืออุปกรณ์ไฟฟ้าเกือบทุกชนิดที่วางจำหน่ายในสหภาพยุโรปและประเทศอื่น ๆ ที่ใช้มาตรฐาน RoHS ควบคุม นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบเป็นไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์และของเล่นเด็กบางประเภทด้วย

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจาก RoHS ได้แก่

  • เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่: ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก: เครื่องดูดฝุ่น เครื่องปิ้งขนมปัง เครื่องเป่าผม
  • อุปกรณ์ไอทีและโทรคมนาคม: คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในบ้าน: โทรทัศน์ เครื่องเล่น DVD เครื่องเสียง
  • อุปกรณ์ให้แสงสว่าง: หลอดฟลูออเรสเซนต์, หลอดเมทัลฮาไลด์, หลอดแสงจันทร์
  • เครื่องมือไฟฟ้า: สว่านไฟฟ้า เลื่อยไฟฟ้า จักรเย็บผ้าไฟฟ้า
  • ของเล่น: ของเล่นอิเล็กทรอนิกส์ วิดีโอเกม
  • อุปกรณ์ทางการแพทย์: เครื่องมือแพทย์ เครื่องมือวินิจฉัยโรค
  • เครื่องมือวัดและควบคุม: เทอร์โมมิเตอร์ เครื่องวัดความดัน
  • เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ: ตู้ขายสินค้า ตู้ ATM
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่กำจัดไม่ถูกวิธี ก่อให้เกิดสาร RoHS ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

ผลกระทบของสาร RoHS ที่มีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

สารต้องห้ามตามมาตรฐาน RoHS ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้งานเป็นอย่างมากเมื่อเข้าสู่ร่างกาย โดยจะส่งผลเสียต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย อาทิระบบประสาท: การสูดดมหรือรับประทานสารตะกั่ว ปรอท เป็นระยะเวลานาน จะทำให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ เกิดอาการชาตามมือ เท้า มึนงง เวียนหัว หมดสติ หรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

ระบบผิวหนัง: สารบางชนิด เช่น โครเมียมเฮกซะวาเลนท์ หรือ แคดเมียม เมื่อสัมผัสผิวหนังจะทำให้เกิดผื่นคัน หรือผิวหนังอักเสบ นอกจากนี้ หากสัมผัสในระยะยาวอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง เช่น การเกิดสีผิวที่ผิดปกติ หรือการเกิดแผลเรื้อรัง

ระบบสืบพันธุ์: การสัมผัสสารที่ถูกควบคุมโดย RoHS โดยเฉพาะในกลุ่มสารพทาเลต สามารถส่งผลกระทบต่อตัวอ่อนในครรภ์ อาจทำให้เกิดความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือปัญหาทางพัฒนาการในระยะยาว นอกจากนี้ สารเหล่านี้ยังมีผลต่อระบบสืบพันธุ์ของเพศชายและเพศหญิง ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก

ระบบภูมิคุ้มกัน: สาร RoHS ยังถือเป็นสารก่อมะเร็ง โดยสามารถทำให้เกิดมะเร็งปอด มะเร็งผิวหนัง และมะเร็งต่อมลูกหมากได้ รวมถึงยังมีผลต่อการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ สารอันตรายยังส่งผลกระทบในระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถสะสมในน้ำ ดิน และอากาศ รวมไปถึงในร่างกายของสิ่งมีชีวิต หรือการสะสมในห่วงโซ่อาหาร โดยมาจากการชะล้างของสารอันตรายจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่สลายตัว หรือจากการเผาทำลายขยะโดยไม่มีการควบคุมอย่างถูกต้อง ทำให้เกิดมลพิษและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในระยะยาว

กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับ RoHS ในประเทศไทย

ในปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายหรือมาตรฐานรับรองด้าน RoHS โดยตรง แต่ก็มีกฎหมายและข้อบังคับอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านวัตถุอันตรายหรือสารเคมี ที่มีความใกล้เคียงต่อการปฏิบัติตามมาตรฐาน RoHS ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตราย

พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535: เป็นกฎหมายที่ควบคุมการผลิต นำเข้า ส่งออก และการใช้สารเคมีอันตรายในประเทศไทย ซึ่งอาจครอบคลุมสารเคมีบางชนิดที่ถูกจำกัดใน RoHS

ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย: เป็นประกาศกำหนดรายชื่อวัตถุอันตรายและปริมาณที่อนุญาตในการใช้งาน ซึ่งผู้ผลิตต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด เช่น การผลิต การนำเข้า การส่งออก การมีไว้ในครอบครอง การขนส่ง และการกำจัด เพื่อความปลอดภัย

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511: เป็นกฎหมายที่กำหนดมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.): มอก. เป็นมาตรฐานที่กำหนดโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งผู้ผลิตสามารถสมัครขอการรับรองเพื่อแสดงว่าผลิตภัณฑ์ของตนเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม

พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535: กฎหมายนี้กำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการในการจัดการและรักษาสภาพแวดล้อม ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการจัดการสารเคมีอันตรายและของเสียจากผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

โดยสรุปแล้ว RoHS คือ มาตรฐานสากลที่กำหนดการใช้สารอันตรายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในระยะยาว เมื่อทราบแล้วว่าสารต้องห้าม RoHS มีกี่ชนิดและมีผลกระทบอย่างไร สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคควรให้ความสำคัญคือการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ปลอดสารอันตราย รวมถึงเข้าใจการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี เพื่อลดความเสี่ยงของการสะสมสาร RoHS ในร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว

เลือกตู้ไฟ รางวายเวย์ ราง Cable Tray พูลบ็อกซ์ และอุปกรณ์ติดตั้งระบบไฟฟ้าที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน สำหรับงานไฟฟ้าทุกรูปแบบ ต้องเลือกสินค้าของ KJL ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ เช่น มาตรฐาน NEMA สำหรับรางไฟ, มาตรฐานกันฝุ่นและกันน้ำตามรหัส IP, มอก. 513-2553 และ IEC 60529:2001 สำหรับตู้ไฟ รวมถึงมาตรฐาน RoHS Compliance สำหรับสินค้ากลุ่ม KJL Plas Series ที่ผลิตจากพลาสติก ABS 100% ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย น้ำหนักเบา แข็งแรง ทนทาน ตอบโจทย์ทั้งงานภายในและภายนอกอาคาร

KJL ผู้นำนวัตกรรมตู้ไฟ รางไฟ ที่ช่างไฟเชื่อมั่น ด้วยเทคโนโลยีการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น
สอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่ 

LINE Official Account: @KJL.connect หรือคลิก https://lin.ee/lzVhFfo

Facebook: facebook.com/KJLElectric

Related Article บทความสาระน่ารู้อื่น ๆ

ASTM คืออะไร?

ASTM คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจภาคอุตสาหกรรม

Rapid Shutdown คืออะไร? จำเป็นอย่างไรต่อโซลาร์เซลล์

Rapid Shutdown คืออะไร? จำเป็นอย่างไรต่อโซลาร์เซลล์

การชุบเคลือบผิวโลหะมีกี่แบบ? รู้จักวิธีและวัสดุยอดนิยม

การชุบเคลือบผิวโลหะมีกี่แบบ? รู้จักวิธีและวัสดุยอดนิยม