KJL เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันแรก ประสบความสำเร็จล้นหลาม ด้วยราคาเปิดตลาด 17.20 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 27.41 % จากราคา IPO 13.50 บาท สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เร่งนำเงินระดมทุนขยายกำลังผลิต-พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้าง New S-Curve ก้าวสู่มาตรฐานสากล ตั้งหมายเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10-15%
นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ผู้ผลิตและจำหน่ายตู้ไฟสวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ อุปกรณ์ที่ใช้เดินสายไฟ ภายใต้เครื่องหมายการค้า KJLรวมถึงสินค้าสั่งผลิต (Made to Order) งานระบบไฟฟ้าและงานโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษในรูปแบบที่หลากหลายตามความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ แบบครบวงจร โดยใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีทันสมัยจากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า การเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “KJL“ ราคาเปิดอยู่ที่ 17.20 บาท เพิ่มขึ้น 3.70 บาท หรือ 27.41 % จากราคา IPO ที่ 13.50 บาท สะท้อนถึงผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นต่อปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่มีประสบการณ์มาเกือบ 30 ปี มีผลดำเนินงานโดดเด่น มั่นคง และมั่นใจในกลยุทธ์สร้างโอกาสการเติบโตของบริษัท
“วันนี้ นับเป็นก้าวสำคัญและความภาคภูมิใจของ KJL ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้สำเร็จ ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การต้อนรับหุ้น KJL อย่างอบอุ่น โดยทีมผู้บริหารและพนักงานทุกคน พร้อมมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน” นายเกษมสันต์ กล่าว
ทั้งนี้ ทิศทางการดำเนินธุรกิจภายหลังการระดมทุน จะมุ่งเน้นการขยายกำลังการผลิต การใช้ระบบออโตเมชั่นและหุ่นยนต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน รวมถึงการขับเคลื่อนองค์กร ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าร่วมกับพาร์ทเนอร์ ผ่านศูนย์นวัตกรรม KJL Innovation Campus พร้อมเสริมความแข็งแกร่งของ KJL Network ต่อยอดธุรกิจในการสร้างรายได้และทำกำไรให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตเพิ่ม ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้ปีนี้ เติบโต 10-15%
“บริษัทพร้อมมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเชื่อมั่นว่าหลังการระดมทุน KJL จะมีฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น สามารถสร้าง New S-Curve ให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดดและก้าวสู่ระดับสากล ในฐานะ “ผู้นำนวัตกรรม ตู้ไฟรางไฟ ขับเคลื่อนไฟฟ้า เพื่ออนาคตคุณ” รองรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของผู้บริโภคที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นในอนาคต” นายเกษมสันต์ กล่าว
ด้าน นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL กล่าวว่า การเปิดซื้อขายหุ้นวันแรกในราคาเปิดเหนือจอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ KJL โดยบริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO จำนวน 30 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 13.50 บาท จำนวนเงินที่ได้ 384.97 ล้านบาท (ภายหลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ IPO) ไปต่อยอดธุรกิจ สร้างความเข้มแข็ง พร้อมทั้งผลักดันการเติบโตให้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมาย
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 4/2565 ยังคงเติบโตในทิศทางบวกต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2565 จากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น การฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ การใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ นับเป็นปัจจัยในการเติบโตของธุรกิจโตในระยะยาว โดยเชื่อว่า KJL จะเป็นหุ้นที่ผสมระหว่าง Growth Stock และ Dividend Stock ที่พร้อมสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนอย่างเหมาะสม
“ราคาหุ้น KJL ที่เปิดตลาดเหนือจอง นอกเหนือจากความมั่นใจในการบริหารและปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทแล้ว นักลงทุนยังเห็นถึงแนวโน้มหุ้นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากผลประกอบการของบริษัทที่มีโอกาสเติบโตได้อีกไกลในอนาคต” นายพายุพัด กล่าว