หลายครั้ง การเลือกซื้ออุปกรณ์ติดตั้งระบบไฟฟ้า เช่น ตู้ไฟ รางเดินสาย หรือชิ้นส่วนอื่น ๆ ให้ได้มาตรฐานนั้น ช่างไฟอาจตัดสินใจจากยี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก หรือยี่ห้อที่ผ่านการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ เช่น มอก. โดยหนึ่งในมาตรฐานที่ครอบคลุมกระบวนการผลิตในระดับสากล คือ มาตรฐาน ISO ที่ใช้ยืนยันคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า
บทความนี้จะพามาทำความเข้าใจว่า มาตรฐาน ISO คืออะไร ทำไมผู้บริโภคหรือช่างไฟฟ้าควรให้ความสำคัญ พร้อมลิสต์ว่ามาตรฐาน ISO ที่ควรรู้จักมีอะไรบ้าง
มาตรฐาน ISO คืออะไร ฉบับเข้าใจง่ายสำหรับช่างไฟ
ระบบ ISO คือมาตรฐานสากลที่ยืนยันว่าโรงงานหรือผู้ผลิตมีระบบการทำงานที่ได้คุณภาพ ส่งผลให้สินค้ามีมาตรฐานสม่ำเสมอ ปลอดภัย และเชื่อถือได้ทั่วโลก สำหรับช่างไฟ การเลือกใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรอง ISO จึงเสมือนการมี “การันตีคุณภาพ” ตั้งแต่การผลิต มั่นใจได้ทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการติดตั้ง
มาตรฐาน ISO มีอะไรบ้าง
มาตรฐาน ISO คือเกณฑ์สากลที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนการดำเนินงานของอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคว่าจะได้รับสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพและปลอดภัย ทั้งด้านสินค้า กระบวนการผลิต การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ที่ KJL ผู้นำด้านนวัตกรรมตู้ไฟ รางไฟให้ความสำคัญ จึงได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 และ ISO 14001 โดยมาตรฐานสำคัญที่ควรรู้จัก มีดังนี้
ISO 9000
มาตรฐาน ISO 9000 เป็นกลุ่มมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานขององค์กร โดยในอดีตมี ISO 9002 ที่เน้นกระบวนการผลิต การติดตั้ง กับ ISO 9003 ที่เน้นการตรวจสอบขั้นสุดท้าย ซึ่งปัจจุบันได้ถูกยกเลิกและรวมเข้ากับมาตรฐานหลักคือ ISO 9001 แล้ว ส่วน ISO 9004 เป็นแนวทางสำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กร
ปัจจุบัน ISO 9001 ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การพัฒนา การผลิต การติดตั้ง ไปจนถึงการบริการ ซึ่ง KJL ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 ถือเป็นหลักฐานยืนยันว่าบริษัทมีระบบบริหารคุณภาพที่เป็นเลิศ จึงมั่นใจได้ว่าสินค้าทุกชิ้นมีคุณภาพสม่ำเสมอ แข็งแรงทนทาน และได้มาตรฐานสากล รองรับการติดตั้งได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูงสุด
ISO 14000
ISO 14000 คือชุดมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้องกับระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยมาตรฐานหลักที่องค์กรนำมาปรับใช้งานคือ ISO 14001 ที่ระบุ ‘ข้อกำหนด’ (Requirements) ที่ชัดเจนว่าระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมขององค์กรจะต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง และต้องทำอย่างไรจึงจะเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ISO 17025
ISO 17025 คือมาตรฐานสากลที่รับรอง ความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบและสอบเทียบ ซึ่งยืนยันว่าห้องแล็บที่ทำการทดสอบสินค้ามีคุณภาพ มีเครื่องมือที่แม่นยำ บุคลากรที่เชี่ยวชาญ และกระบวนการทำงานที่น่าเชื่อถือ ดังนั้น เมื่อสินค้าถูกระบุว่าผ่านการทดสอบจากห้องแล็บที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 17025 ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าผลการทดสอบมีความถูกต้อง เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ISO 18000
ISO 18000 หรือที่จริง ๆ แล้วคือ OHSAS 18001 (ซึ่งปัจจุบันถูกแทนที่ด้วย ISO 45001) คือมาตรฐานด้านความปลอดภัยของพนักงานในโรงงาน แม้ไม่ใช่การรับรองคุณภาพตัวสินค้าโดยตรง แต่ก็สะท้อนว่าผู้ผลิตเป็นองค์กรที่ใส่ใจดูแลพนักงานเป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่ม การเลือกซื้อสินค้าจากบริษัทเหล่านี้ก็ถือเป็นการสนับสนุนธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม
ISO 27000
มาตรฐาน ISO 27000 คือชุดมาตรฐานด้านการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล เช่น ข้อมูลลูกค้าและความลับทางการค้า จากการรั่วไหล โดยเฉพาะในบริการดิจิทัลที่ต้องเก็บข้อมูลส่วนตัว เช่น แอปพลิเคชัน คลาวด์ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ การที่ผู้ให้บริการได้รับการรับรอง ISO 27001 จึงเป็นหลักประกันว่าข้อมูลของเราจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัย
ทำไมช่างไฟฟ้าควรใช้อุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน ISO
อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO จะช่วยการันตีคุณภาพให้กับผู้ใช้งานในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น

เพิ่มความมั่นใจในคุณภาพและลดปัญหาหน้างาน
อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO โดยเฉพาะ ISO 9001 (ระบบบริหารคุณภาพ) สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการผลิตถูกควบคุมอย่างเข้มงวด จึงได้สินค้าที่มีคุณภาพคงที่ มีขนาดแม่นยำตามมาตรฐาน เมื่อนำไปใช้งานจริง ช่างไฟฟ้าสามารถมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งจะทำงานเข้ากันได้อย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงของปัญหาหน้างาน
สร้างความปลอดภัยให้กับงานและลูกค้า
มาตรฐาน ISO หลายฉบับ เช่น ISO 45001 (มาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน) ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ เมื่อช่างไฟฟ้าเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ก็เท่ากับการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อตัวเองและผู้ที่ใช้งานระบบไฟในอนาคต
ยกระดับความเป็นมืออาชีพและเพิ่มความน่าเชื่อถือ
การเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ISO คือสิ่งที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพของช่างไฟฟ้า เพราะไม่ใช่เพียงการทำงานให้เสร็จ แต่ยังเป็นการมอบอุปกรณ์ที่มีคุณภาพดีที่สุด เพื่อสร้างมาตรฐานและความปลอดภัยให้กับลูกค้า ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในระยะยาว ส่งผลดีต่อชื่อเสียงรวมถึงโอกาสในการทำงานในอนาคต
โดยสรุปแล้ว มาตรฐาน ISO คือหลักเกณฑ์ที่ช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าให้ความสำคัญกับคุณภาพ การใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสำหรับช่างไฟ มาตรฐานนี้มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เพราะสินค้าที่ได้การรับรอง ISO ไม่เพียงรับประกันความปลอดภัยและความทนทาน แต่ยังช่วยให้การติดตั้งเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ ลดความเสี่ยง สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในทุกโครงการ
มองหาตู้ไฟสวิตช์บอร์ด รางวายเวย์ ราง Cable Tray รวมถึงอุปกรณ์ติดตั้งระบบไฟฟ้าอื่น ๆ ครบวงจร ต้อง KJL การันตีคุณภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติจากญี่ปุ่น ควบคุมด้วยระบบ CNC จึงผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 ทั้งระบบ ทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าทุกชิ้นมีคุณภาพ ปลอดภัย ตอบโจทย์งานติดตั้งไฟฟ้าทุกรูปแบบ
นอกจากนี้ KJL ยังเป็นผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การันตีด้วยมาตรฐาน ISO 14001:2015 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สินค้าที่ยั่งยืนสำหรับทุกการติดตั้งไฟฟ้า


