การดำเนินงานของโรงงานอุตสาหกรรมในปัจจุบัน จำเป็นต้องมีการรับรองมาตรฐานเพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน โดยมาตรฐานที่ใช้รับรองครอบคลุมหลายด้าน เช่น มาตรฐาน GMP หรือมาตรฐาน HACCP ในอุตสาหกรรมอาหาร มาตรฐาน ISO 14001 ที่เน้นการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึง ISO 45001 ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสุขอนามัยของผู้ปฏิบัติงาน
นอกจากนี้ เพื่อรับรองว่าการปฏิบัติงานเป็นไปตามเกณฑ์คุณภาพที่กำหนด องค์กรจึงจำเป็นต้องมีระบบบริหารงานคุณภาพตามมาตรฐาน ISO 9001 บทความนี้จะพามาทำความรู้จักว่ามาตรฐาน ISO 9001 คืออะไร ทำไมจึงสำคัญกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงองค์ประกอบของระบบบริหารคุณภาพที่ทั้งผู้ปฏิบัติงานและองค์กรควรทราบ
ISO 9001 คืออะไร
มาตรฐาน ISO 9001 คือมาตรฐานสากลสำหรับระบบบริหารงานคุณภาพ (Quality Management System: QMS) ซึ่งพัฒนาโดยองค์กรระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization หรือ ISO) เพื่อให้ทุกประเภทของธุรกิจสามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงคุณภาพการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอ
โดยหลักการสำคัญของ ISO 9001 คือการจัดระบบบริหารงานให้เป็นขั้นตอนที่ชัดเจน สามารถควบคุมและตรวจสอบได้ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าหรือบริการที่ผลิตหรือให้บริการมีคุณภาพตรงตามความต้องการหรือข้อกำหนดของลูกค้า นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น รวมถึงสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ที่มาของ ISO 9001
ISO 9001 เริ่มต้นจากความต้องการ ในการสร้างมาตรฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานคุณภาพภายในองค์กร โดยมุ่งเน้นให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล มาตรฐานนี้ได้รับการพัฒนา ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจและเทคโนโลยี ปัจจุบัน มาตรฐานที่ใช้งานอยู่คือ ISO 9001:2015 ซึ่งเน้นการบริหารความเสี่ยง รวมถึงให้ความสำคัญกับลูกค้าหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นหลัก
3 องค์ประกอบหลักของ ISO 9001
1. วงจรบริหารงานคุณภาพ (PDCA)
วงจรบริหารงานคุณภาพ คือกระบวนการที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาและพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพ รวมถึงคุณภาพของงานให้ดียิ่งขึ้น โดยมีขั้นตอนหลัก 4 ประการ ได้แก่
- P Plan (วางแผน): กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน พร้อมวิเคราะห์ปัญหา วางแผนแนวทางแก้ไขอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม
- D Do (ปฏิบัติ): นำแผนที่วางไว้ไปปฏิบัติในขอบเขตเล็ก ๆ เพื่อทดสอบความเป็นไปได้และประสิทธิผลของวิธีการนั้น ๆ
- C Check (ตรวจสอบ): วิเคราะห์ ติดตามผลลัพธ์อย่างละเอียด เพื่อดูว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้บรรลุผลหรือไม่ รวมถึงมีปัญหาหรืออุปสรรคใดเกิดขึ้นบ้างระหว่างดำเนินงาน
- A Act (ปรับปรุง): ดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงตามผลการตรวจสอบ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากผลลัพธ์ยังไม่ดี ให้เริ่มแผนใหม่อีกครั้ง
2. การจัดการเชิงกระบวนการ (Process Approach)
การจัดการเชิงกระบวนการ เป็นแนวทางที่มุ่งเน้นการมองกิจกรรมทั้งหมดในองค์กร เป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ เพื่อทำความเข้าใจและบริหารจัดการความสัมพันธ์ของแต่ละกระบวนการ ให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ
3. แนวคิดเชิงความเสี่ยง (Risk-Based Thinking)
แนวคิดเชิงความเสี่ยง (Risk-Based Thinking) เป็นแนวทางในการวางแผนที่เน้นการคาดการณ์ทั้งความเสี่ยงและโอกาสล่วงหน้า เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประกอบการตัดสินใจขององค์กร โดยตั้งคำถามเชิงวิเคราะห์อยู่เสมอว่าอะไรอาจเกิดความผิดพลาดได้ จะแก้ไขหรือป้องกันอย่างไร รวมถึงมีโอกาสใดที่ควรรีบคว้าไว้ เพื่อช่วยให้องค์กรตัดสินใจอย่างรอบคอบ ลดความไม่แน่นอน เพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมาย

หลักการของการบริหารงานคุณภาพ ISO 9001
- การให้ความสำคัญกับลูกค้า (Customer Focus): เน้นการตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าอย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มความพึงพอใจ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
- ความเป็นผู้นำ (Leadership): ผู้นำต้องกำหนดทิศทาง พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาระบบบริหารคุณภาพอย่างชัดเจน เพื่อสร้างวิสัยทัศน์ร่วมและแรงจูงใจในการดำเนินงาน
- การมีส่วนร่วมของบุคลากร (Involvement of People): บุคลากรทุกระดับมีบทบาทและความรับผิดชอบในการบริหารคุณภาพ
- การบริการเชิงกระบวนการ (Process Approach): บริหารแต่ละกระบวนการเป็นลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน มีการวางแผน การดำเนินการ การตรวจสอบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน
- การบริหารที่เป็นระบบ (System Approach): ควรมององค์กรเป็นระบบที่ประกอบด้วยกระบวนการต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กัน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ-ประสิทธิผลโดยรวมขององค์กร
- การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continual Improvement): องค์กรต้องมุ่งมั่นพัฒนาระบบบริหารคุณภาพและกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลง
- การตัดสินใจบนพื้นฐานความเป็นจริง (Factual Approach to Decision Making): ตัดสินใจโดยอ้างอิงจากข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง มีหลักฐานชัดเจน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ความสัมพันธ์กับผู้ขายเพื่อประโยชน์ร่วมกัน (Mutually Beneficial Supplier Relationship): องค์กรควรรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ขายหรือคู่ค้า เพื่อสร้างคุณค่าร่วม และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของทั้งสองฝ่าย
ทำไมช่างไฟต้องใช้อุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน ISO 9001
การเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ISO 9001 คือสิ่งสำคัญที่ช่วยรับประกันความปลอดภัยในงานทุกโครงการ เพราะระบบ ISO 9001 เป็นมาตรฐานสากลที่ควบคุมคุณภาพตั้งแต่การคัดเลือกวัสดุ การผลิต จนถึงการทดสอบก่อนใช้งานจริง ทำให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ที่นำไปใช้มีความน่าเชื่อถือ สามารถทำงานได้ตามคุณสมบัติที่กำหนด โดยข้อดีที่ช่างไฟจะได้รับจากการใช้อุปกรณ์มาตรฐาน ISO 9001 มีดังนี้
- มั่นใจในความปลอดภัยสูงสุด: งานไฟฟ้ามีความเสี่ยงสูงต่ออุบัติเหตุ เช่น ไฟดูด ไฟไหม้ หรือไฟฟ้าลัดวงจร อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานช่วยลดปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ทำให้งานติดตั้ง ซ่อมบำรุง สะดวก ปลอดภัยมากขึ้น
- ยืดอายุการใช้งาน ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว: อุปกรณ์มาตรฐานมักผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทนทานต่อการใช้งาน ทำให้ไม่ต้องซ่อมบำรุงบ่อย ลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ ช่วยรักษาภาพลักษณ์ของช่างไฟฟ้าในฐานะมืออาชีพ
- สนับสนุนความเข้ากันได้ของระบบ: อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ยังช่วยให้มั่นใจว่าระบบต่าง ๆ จะทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาการติดตั้งผิดพลาด และช่วยให้งานเสร็จรวดเร็ว ราบรื่น
เมื่อเข้าใจแล้วว่า “ความหมายของระบบ ISO 9001 คืออะไร” สิ่งสำคัญคือ องค์กรและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมยกระดับความน่าเชื่อถือและส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
มองหาสินค้าและนวัตกรรมระบบไฟฟ้าที่มีคุณภาพ ต้อง KJL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายตู้ไฟสวิตช์บอร์ด รางวายเวย์ ราง Cable Tray ราง Cable Ladder กล่องดึงสาย และอุปกรณ์ติดตั้งระบบไฟฟ้า ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 และ ISO 14001:2015 มั่นใจได้ในคุณภาพที่แข็งแรง ทนทาน ไร้ตำหนิ ปลอดภัย และติดตั้งง่าย ตอบโจทย์ทุกความต้องการเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรม
KJL ผู้นำนวัตกรรมตู้ไฟ รางไฟ ที่ช่างไฟเชื่อมั่น ด้วยเทคโนโลยีการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น
สอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่
LINE Official Account: @KJL.connect
Facebook: facebook.com/KJLElectric