ปัจจุบันหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ เริ่มให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (Sustainability) และการดำเนินงานที่มีจรรยาบรรณ (Ethics) มากขึ้น เพื่อสร้างสังคมที่มีคุณภาพและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวคิด ESG ซึ่งเป็นหลักการที่องค์กรยึดถือเพื่อสร้างความสำเร็จในระยะยาว
ในความเป็นจริง ESG ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการปฏิบัติงานของช่างไฟ ทั้งในเรื่องของการเลือกใช้วัสดุในการติดตั้งระบบไฟฟ้าไปจนถึงการทำงานอย่างมีจรรยาบรรณ บทความนี้จะพามาทำความรู้จักว่า หลักการ ESG ย่อมาจากอะไร ทำไมถึงมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในปัจจุบัน รวมถึงหลักการปฏิบัติที่ควรรู้สำหรับกลุ่มช่างไฟและวิศวกรโดยเฉพาะ
ESG คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับงานระบบไฟฟ้า
ESG ย่อมาจาก Environment, Social, Governance ซึ่งเป็นกรอบการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน โดยไม่ได้พิจารณาแค่ผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล
สำหรับกลุ่มช่างไฟฟ้า การดำเนินการตามหลัก ESG คือการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพ โดยให้ความสำคัญกับการติดตั้งระบบไฟฟ้าที่ปลอดภัย เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการปฏิบัติงานอย่างมีจรรยาบรรณ เพื่อสร้างบรรทัดฐานและความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมไฟฟ้าโดยรวม
องค์ประกอบสำคัญของ ESG มีอะไรบ้าง เกี่ยวข้องอย่างไรกับช่างไฟ
องค์ประกอบที่สำคัญของแนวคิด ESG มีอะไรบ้าง สามารถแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ๆ ดังนี้
E (Environment): สิ่งแวดล้อม
ในอดีตอุตสาหกรรมไฟฟ้าถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด จากการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งสร้างมลภาวะและมีปริมาณลดลงเรื่อยๆ การปรับใช้หลักการ ESG คือแนวทางสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบเหล่านี้ได้ โดยในงานระบบไฟฟ้าสามารถทำได้ เช่น การเลือกใช้รางวายเวย์ รางเคเบิลเทรย์สำหรับเดินสายไฟ ที่ผลิตด้วยขั้นตอนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้สีที่ปราศจากสาร VOCs และตัวผลิตภัณฑ์สามารถนำไปรีไซเคิลได้ หรือติดตั้งระบบพลังงานทางเลือกอย่างเช่นโซลาร์เซลล์หรือระบบแสงสว่างแบบ LED จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างระบบไฟฟ้าที่ยั่งยืนS (Social): สังคม
นอกเหนือจากความเชี่ยวชาญทางเทคนิค ช่างไฟฟ้ายังมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์สังคมที่ปลอดภัย โดยหัวใจหลักของ ESG คือการติดตั้งระบบไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานเพื่อปกป้องผู้ใช้งานจากอันตราย ความรับผิดชอบนี้ยังครอบคลุมถึงการปฏิบัติงานที่เคารพต่อชุมชน ไม่สร้างผลกระทบต่อผู้คนรอบข้าง ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของทั้งเพื่อนร่วมงานและประชาชนทั่วไป ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพที่มุ่งมั่นลดความเสี่ยง เพื่อสร้างความปลอดภัยอย่างยั่งยืนG (Governance): ธรรมาภิบาล
การดำเนินงานอย่างมีจรรยาบรรณ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปฏิบัติให้ถูกต้องตามหน้าที่ แต่ยังหมายถึงการยึดมั่นในหลักความซื่อสัตย์สุจริต การเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบได้ และการปฏิบัติตามกฎหมายข้อบังคับ รวมถึงมาตรฐานทางวิศวกรรมอย่างเคร่งครัด ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงและสร้างความปลอดภัยในงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานอันดีงามและยกระดับมาตรฐานให้แก่วิชาชีพวิศวกรและช่างไฟฟ้า ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่การสร้างอนาคตของวงการที่เติบโตอย่างยั่งยืน เป็นที่ไว้วางใจและยอมรับของสังคมในวงกว้าง
เลือกใช้วัสดุในงานไฟฟ้าอย่างไรให้สอดคล้องกับแนวคิด ESG
ปัจจุบันมีวัสดุและอุปกรณ์ติดตั้งระบบไฟฟ้าให้เลือกอย่างหลากหลาย แต่การจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับแนวคิดเพื่อความยั่งยืน (ESG) ควรพิจารณาจากปัจจัยสำคัญในด้านต่างๆ ดังนี้
1. เกณฑ์ด้านคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์โดยตรง
- เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถรีไซเคิลได้ เช่น โลหะ (เหล็ก, อะลูมิเนียม) หรือพลาสติกบางชนิด พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงวัสดุที่มีสารอันตรายปนเปื้อน เช่น ตะกั่ว หรือปรอท เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยทั้งต่อผู้ใช้งาน ไม่สร้างมลพิษเมื่อเสื่อมสภาพ
- เน้นประสิทธิภาพและความปลอดภัย เลือกใช้อุปกรณ์ติดตั้งระบบไฟฟ้าอย่างราง Wireway ราง Cable Tray ราง Cable Ladder ที่ผลิตจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทานต่อแรงกระแทกและการกัดกร่อนของสภาพแวดล้อมได้ดี ไม่ลามไฟ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้งาน
2. เกณฑ์ด้านผู้ผลิตและมาตรฐานการรับรอง
- ควรเลือกผู้ผลิตที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม โดยพิจารณาจากกระบวนการผลิตที่หันมาใช้พลังงานทางเลือก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ในโรงงาน หรือการบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่ธรรมชาติ
- สนับสนุนผู้ผลิตที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาล ดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ซื่อสัตย์ ตรวจสอบได้ มีกระบวนการผลิตที่โปร่งใส ใส่ใจสวัสดิภาพพนักงาน มีบริการหลังการขายที่ดี
- เลือกสินค้าที่ผ่านมาตรฐานการรับรอง เพื่อเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพและความปลอดภัย เช่น
- มาตรฐานระบบการจัดการ ISO 9001:2015 (ด้านคุณภาพในการดำเนินงาน) และ ISO 14001:2015 (ด้านการดำเนินงานที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม)
- มาตรฐานด้านผลิตภัณฑ์ เช่น มาตรฐาน มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) มาตรฐาน RoHS Compliant (มาตรฐานสากลที่จำกัดการใช้สารอันตราย 6 ชนิดในอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์) หรือมาตรฐานกันฝุ่น กันน้ำ IP (Ingress Protection Rating)
หากจะสรุปให้เข้าใจง่ายว่า “แนวคิด ESG คืออะไร” คำตอบคือ กรอบการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับ 3 มิติหลัก ได้แก่
- Environment (สิ่งแวดล้อม) การดำเนินงานที่ใส่ใจและลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด
- Social (สังคม) การดูแลรับผิดชอบต่อพนักงาน, ชุมชน, และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด
- Governance (ธรรมาภิบาล) การบริหารจัดการองค์กรอย่างโปร่งใส มีจริยธรรม และตรวจสอบได้
ซึ่ง KJL ได้นำหลักการ ESG มาปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมไฟฟ้า ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) โดยมีการติดตั้งระบบ Solar Rooftop บนหลังคาโรงงาน เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล รวมถึงระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้น้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตมีคุณภาพตามมาตรฐานก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
นอกจากนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว KJL ยังนำหลักการ ESG มาขับเคลื่อนองค์กรอย่างจริงจังในด้านสังคม (Social) โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัย การพัฒนาบุคลากร และสวัสดิภาพของพนักงาน รวมถึงด้านธรรมาภิบาล (Governance) ด้วยการบริหารงานอย่างโปร่งใส ปลอดการทุจริต จนเป็นที่ยอมรับในฐานะพันธมิตรของแบรนด์ด้านระบบไฟฟ้าชั้นนำระดับโลก
KJL ผู้นำนวัตกรรมตู้ไฟ รางไฟ ที่ช่างไฟเชื่อมั่น ด้วยเทคโนโลยีการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น
สอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่
LINE Official Account: @KJL.connect หรือคลิก https://lin.ee/lzVhFfo
Facebook: facebook.com/KJLElectric
