คู่มือการดูแล เครื่องมือช่าง วิธีใช้ การเก็บรักษา

คู่มือการดูแล เครื่องมือช่าง วิธีใช้ การเก็บรักษา

อุปกรณ์เครื่องมือช่าง ถือเป็นเครื่องมือทำงานที่ช่างไฟฟ้าขาดไม่ได้ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ทำหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกในการติดตั้ง ซ่อมบำรุง หรือแม้กระทั่งการรื้อถอนระบบไฟฟ้าให้ปลอดภัย ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง การเก็บรักษาเครื่องมือช่าง หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม จะช่วยลดปัญหา หรือการเกิดความเสียหาย อีกทั้งยังช่วยให้การทำงานลื่นไหลขึ้น

บทความนี้จะพามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับอุปกรณ์งานช่าง วิธีใช้ วิธีเก็บรักษา ที่เหมาะสม เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน และเพิ่มความสะดวกสบายในการปฏิบัติงาน

รวมเครื่องมือช่าง วิธีใช้ การเก็บรักษา ดูแลให้ถูกวิธี ยืดอายุการใช้งาน

เครื่องมือช่างแต่ละประเภทจะมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป การเก็บรักษา เครื่องมืองานช่าง หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ โดยอุปกรณ์ที่ช่างไฟฟ้านิยมใช้งานมีดังนี้

1. ประแจ

วิธีการเก็บรักษาเครื่องมือช่างอย่างประแจ บนที่แขวน

ประแจเป็นเครื่องมือช่างที่ใช้สำหรับขันน็อต สลักเกลียว หรือหัวสกรูชนิดต่าง ๆ ให้แน่นหรือคลายออก โดยสร้างแรงบิดที่เหมาะสม ประแจมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ประแจปากตาย ประแจแหวน ประแจรวม และประแจเลื่อน เพื่อรองรับหัวน็อตที่มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน

วิธีใช้: เลือกขนาดประแจให้เหมาะสมกับหัวน็อต จับประแจอย่างมั่นคง แล้วออกแรงดึงหรือผลักในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดแรงบิดสูงสุดโดยใช้แรงน้อยที่สุด หัวน็อตจะค่อย ๆ แน่นขึ้นหรือลดความแน่นลง ขึ้นอยู่กับแรงที่กระทำ

วิธีดูแลและการเก็บรักษา:

  • หลังการใช้งานทุกครั้ง ควรเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำมัน คราบจาระบี หรือฝุ่นที่เกาะอยู่บนประแจออกให้หมด
  • สำหรับประแจที่ทำจากโลหะ ควรทาน้ำมันหล่อลื่นหรือน้ำมันกันสนิมบาง ๆ โดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับความชื้นเป็นประจำ
  • ควรเก็บประแจไว้ในกล่องเครื่องมือเฉพาะ หรือแขวนบนแผงเครื่องมือในพื้นที่ที่แห้ง เพื่อป้องกันการเกิดสนิมและการเสื่อมสภาพของโลหะ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ประแจแทนเครื่องมืออื่น เช่น ห้ามใช้แทนค้อน หรือใช้กับงานที่ต้องการแรงบิดเกินกว่าที่ประแจสามารถรับได้ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเครื่องมือ

2. ไขควง 

การเก็บรักษา เครื่องมืองานช่าง เช่น ไขควงในกล่องเครื่องมือ

ไขควง เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ใช้สำหรับขันหรือคลายสกรู ซึ่งทำหน้าที่ยึดชิ้นงานหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ประกอบด้วยด้ามจับและแกนเหล็กที่ปลายมีรูปทรงต่าง ๆ เช่น แฉก (Phillips) แบน (Slotted) หรือหกเหลี่ยม เพื่อให้เข้ากับร่องของหัวสกรูแต่ละชนิด 

วิธีใช้: เลือกชนิดและขนาดของปลายไขควงให้ตรงกับหัวสกรู เพื่อให้จับยึดได้ดี จากนั้นกดแรงมั่นคงไปที่แกนสกรูพร้อมบิดตามเข็มนาฬิกาเพื่อขันแน่น หรือทวนเข็มนาฬิกาเพื่อคลาย หากใช้ไขควงขนาดที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้หัวสกรูหรือปลายไขควงเสียหายได้

วิธีดูแลและการเก็บรักษา:

  • ทำความสะอาดทันทีหลังใช้งาน เพื่อกำจัดคราบน้ำมัน จาระบี และความชื้นที่ทำให้เกิดสนิม
  • ตรวจสอบปลายไขควง หากบิ่น งอ หรือสึกจนจับร่องสกรูไม่ได้ ควรเลิกใช้หรือเปลี่ยนใหม่
  • หลีกเลี่ยงใช้ไขควงแทนสิ่ว เหล็กงัด หรือแท่งตอก เพราะอาจทำให้แกนบิดงอหรือเสียหายถาวร
  • จัดเก็บในที่แห้ง เช่น กล่องเครื่องมือ หรือแขวนบนแผงเครื่องมือ เพื่อยืดอายุการใช้งาน

3. ค้อน 

ค้อนสำหรับตอกตะปู

ค้อน เป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานที่มีหัวแข็งและด้ามจับ ใช้สำหรับตอกตะปู ย้ำหมุด หรือปรับรูปทรงวัสดุให้แบนลงหรือฝังลงไปในเนื้อวัสดุได้ดีขึ้น มีหลายประเภท เช่น ค้อนหงอนสำหรับงานไม้ ค้อนหัวกลมสำหรับงานโลหะ และค้อนยางสำหรับงานที่ไม่ต้องการให้เกิดรอย 

วิธีใช้: วิธีใช้ที่ถูกต้องคือการเลือกประเภทและน้ำหนักของค้อนให้เหมาะสมกับลักษณะงาน เช่น การใช้ค้อนหงอนในการตอกตะปูและถอนตะปู การจับค้อนควรจับบริเวณปลายด้ามเพื่อสร้างแรงเหวี่ยงที่แม่นยำที่สุด

วิธีดูแลและการเก็บรักษา:

  • ตรวจสอบด้ามค้อนเป็นประจำว่าอยู่ในสภาพที่มั่นคง ไม่หลวมหรือมีรอยแตก หากพบปัญหาควรรีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนด้ามทันที
  • หลังใช้งานเสร็จ ควรเช็ดทำความสะอาดหัวค้อนให้ปราศจากคราบดิน น้ำมัน หรือความชื้น และเก็บไว้ในที่แห้งเพื่อป้องกันการเกิดสนิมบนผิวเหล็ก
  • ควรจัดเก็บค้อนไว้ในกล่องเครื่องมือที่มีช่องแยก หรือแขวนไว้บนแผงเครื่องมือ เพื่อป้องกันการตกหล่นและทำให้เครื่องมืออื่นเสียหาย
  • ไม่ควรใช้ค้อนแทนเครื่องมืออื่น เช่น ใช้หัวค้อนตอกสิ่ว หรือใช้ด้านข้างของหัวค้อนทุบสิ่งของ เพราะอาจทำให้หัวค้อนเสียหายและเกิดอันตรายได้

4. คีม

คีมสำหรับงานช่างแต่ละประเภท

คีม เป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานที่ใช้สำหรับจับ ยึด ดัด ตัด หรือบีบ วัสดุต่าง ๆ เช่น สายไฟ ลวด หรือโลหะแผ่นบาง ๆ โดยคีมมีหลายชนิดตามลักษณะการใช้งาน เช่น คีมปากจระเข้ คีมปากแหลม คีมตัด และคีมล็อค

วิธีใช้: เลือกประเภทคีมให้ตรงกับลักษณะงาน เช่น ใช้คีมตัดสำหรับงานตัดลวดหรือสายไฟ และใช้คีมปากจระเข้สำหรับงานจับหรือดัดชิ้นงาน การใช้คีมต้องจับที่ด้ามจับอย่างมั่นคงและออกแรงบีบในแนวระนาบเพื่อควบคุมชิ้นงานได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย สำหรับงานไฟฟ้า ควรใช้คีมที่มีด้ามจับหุ้มฉนวนเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้า

วิธีดูแลและการเก็บรักษา:

  • ควรทำความสะอาดคราบสกปรกและทาน้ำมันหล่อลื่นบริเวณจุดหมุนหรือแกนของคีมเป็นประจำ เพื่อให้การเปิด-ปิดมีความคล่องตัวและป้องกันการเกิดสนิม
  • สำหรับคีมที่ใช้กับงานไฟฟ้า ควรตรวจเช็กด้ามจับที่เป็นฉนวนอยู่เสมอ หากพบรอยแตกหรือฉนวนเสียหาย ควรรีบเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน
  • ควรเก็บคีมในกล่องเครื่องมือหรือแผงแขวนเฉพาะ โดยจัดเรียงแยกจากเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อป้องกันการกระแทกและรอยขีดข่วน
  • ห้ามใช้คีมแทนค้อนในการตอก หรือใช้แทนประแจในการขันน็อต เพราะจะทำให้ด้ามจับหรือปากคีมเสียหาย ผิดรูป และลดประสิทธิภาพการทำงาน

5. ตลับเมตร

ตลับเมตรพลาสติกสำหรับงานช่าง

ตลับเมตร คือเครื่องมือวัดที่ประกอบด้วยสายวัดโลหะหรือไฟเบอร์กลาสซึ่งมีมาตรวัดระยะทาง (หน่วยเซนติเมตร นิ้ว หรือเมตร) บรรจุอยู่ในตลับขนาดกะทัดรัด มีกลไกสปริงที่สามารถดึงสายวัดออกมาและม้วนกลับเข้าตลับได้โดยอัตโนมัติ ใช้วัดขนาด ความยาว ความสูง ความกว้างของวัตถุ พื้นที่ หรือระยะห่างต่าง ๆ เพื่อความแม่นยำในการทำงาน

วิธีใช้: ดึงสายวัดออกมาจากตลับและเกี่ยวปลายสาย (ตะขอเกี่ยว) เข้ากับขอบเริ่มต้นของจุดที่ต้องการวัด จากนั้นจึงทอดสายวัดไปยังจุดสิ้นสุดที่ต้องการทราบระยะ เมื่อได้ระยะที่ต้องการแล้ว ควรอ่านค่าบนมาตรวัดให้ตรงกับจุดที่ต้องการวัดพอดี ก่อนปล่อยให้สายวัดม้วนกลับเข้าตลับโดยการกดปุ่มล็อกหรือปุ่มเก็บสาย

วิธีดูแลและการเก็บรักษา:

  • ไม่ควรปล่อยให้สายวัดม้วนกลับด้วยแรงสปริงอย่างรุนแรง ควรใช้นิ้วชะลอความเร็วในการม้วนกลับ เพื่อป้องกันไม่ให้ปลายตะขอหรือขอบสายวัดชำรุดเสียหาย
  • หากสายวัดเปียกน้ำหรือเปื้อนคราบสกปรก ควรเช็ดทำความสะอาดและเช็ดให้แห้งสนิทก่อนม้วนเก็บ เพื่อป้องกันการเกิดสนิม (ในสายวัดโลหะ) และการสึกกร่อน
  • ควรจัดเก็บตลับเมตรไว้ในที่แห้ง ไม่มีความชื้น และหลีกเลี่ยงการทำตกหล่นอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้กลไกสปริงภายในตลับเสียหายได้
  • ระหว่างการใช้งานและการเก็บรักษา ควรระมัดระวังไม่ให้สายวัดบิด งอ หรือหักอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้สายวัดเสียหายและส่งผลต่อความแม่นยำในการวัดครั้งต่อไป

6. ตะไบ

ตะไบสำหรับขัดชิ้นงานโลหะต่าง ๆ

ตะไบ เป็นเครื่องมือช่างที่ใช้สำหรับการลดขนาด ปรับแต่งรูปทรง ขจัดความคม หรือทำให้พื้นผิวของวัสดุเรียบเนียน ทำจากเหล็กกล้าคาร์บอนสูง มีลักษณะเป็นแท่งพร้อมผิวที่มีร่องฟันเล็ก ๆ (ฟันตะไบ) เมื่อนำไปถูหรือขัดกับผิววัสดุ ฟันเหล่านี้จะทำหน้าที่ขูดเนื้อวัสดุออกทีละน้อย ทำให้ชิ้นงานมีรูปทรงและผิวสัมผัสที่ต้องการ

วิธีใช้: จับด้ามตะไบด้วยมือที่ถนัด และใช้มืออีกข้างประคองส่วนปลายของตะไบเพื่อควบคุมทิศทาง จากนั้นให้ออกแรงกดขณะที่ผลักตะไบไปข้างหน้าเท่านั้น และยกตะไบขึ้นเล็กน้อยเมื่อลากกลับเพื่อไม่ให้ฟันสึกหรอโดยไม่จำเป็น

วิธีดูแลและการเก็บรักษา:

  • ใช้แปรงทองเหลืองหรือแปรงลวด แปรงทำความสะอาดร่องฟันตะไบทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อขจัดเศษโลหะ (ขี้ตะไบ) ที่อุดตันออก
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตะไบแห้งสนิทก่อนเก็บ และควรทาน้ำมันกันสนิมบาง ๆ เพื่อป้องกันความชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสนิม
  • ห้ามวางตะไบซ้อนทับกัน หรือเก็บรวมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพราะจะทำให้ฟันตะไบกระทบกันและสึกหรอเร็วกว่ากำหนด

7. เลื่อย

การใช้เลื่อยลันดาสำหรับตัดไม้

เลื่อย เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับตัดวัสดุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้ โลหะ หรือพลาสติก โดยมีหลักการทำงานคือการใช้คมฟันของใบเลื่อยในการเฉือนหรือขูดวัสดุออก เพื่อแยกชิ้นส่วนหรือปรับขนาดตามที่ต้องการ มีหลากหลายชนิด เช่น เลื่อยมือ เลื่อยลันดา และเลื่อยวงเดือน ซึ่งวัสดุและลักษณะงานที่แตกต่างกัน

วิธีใช้: การเริ่มต้นตัดควรทำอย่างเบามือและมั่นคง โดยเคลื่อนใบเลื่อยไปมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คมฟันตัดผ่านวัสดุ  จากนั้นจึงเพิ่มแรงดันเมื่อรอยตัดเริ่มลึก เพื่อให้ได้แนวตัดที่ตรงและเรียบเนียน สิ่งสำคัญคือการยึดวัสดุให้แน่นด้วยปากกาจับงานหรือแคลมป์ เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพของงาน

วิธีดูแลและการเก็บรักษา:

  • หลังการใช้งาน ควรกำจัดขี้เลื่อย เศษโลหะ หรือยางไม้ที่ติดอยู่บนใบเลื่อยออกให้หมด เพื่อให้ใบเลื่อยพร้อมใช้งานในครั้งถัดไปและป้องกันการสะสมของคราบสกปรก
  • สำหรับเลื่อยที่ทำจากเหล็ก ควรเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำมันหล่อลื่นหรือน้ำมันป้องกันสนิมบาง ๆ เพื่อปกป้องใบเลื่อยจากความชื้น
  • ควรเก็บเลื่อยไว้ในซอง ใบครอบ หรือกล่องเครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อ ป้องกันความเสียหายของคมฟัน และเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
  • หากสังเกตว่าเลื่อยเริ่มตัดได้ยากและต้องออกแรงมากเกินไป ควรรีบทำการลับคม หรือเปลี่ยนใบเลื่อยใหม่ทันที

8. สกัด

สกัดสำหรับเจาะหรือกะเทาะวัสดุ

สกัด เป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานที่ใช้สำหรับตัด เจาะ แซะ หรือแกะสลักวัสดุที่แข็ง เช่น โลหะ หิน คอนกรีต หรือไม้ ตัวเครื่องมือมีลักษณะเป็นแท่งยาว ปลายด้านหนึ่งทำเป็นคมตัดหรือปลายแหลม และปลายอีกด้านใช้สำหรับรับแรงกระแทกจากค้อนหรือเครื่องมือตอก

วิธีใช้: วางคมตัดของสกัดลงบนวัสดุเป้าหมาย จากนั้นใช้ค้อนหรือเครื่องมือตอกที่เหมาะสมตีลงที่ปลายด้านบนของสกัด แรงกระแทกจะส่งผ่านคมตัดเพื่อตัดหรือแยกวัสดุออกจากกัน การใช้สกัดต้องเลือกประเภทของสกัดให้เข้ากับงาน เช่น สกัดปากแบนสำหรับงานแซะ หรือสกัดปลายแหลมสำหรับงานเจาะนำ

วิธีดูแลและการเก็บรักษา:

  • คมของสกัดควรมีความคมที่เหมาะสมกับวัสดุที่ใช้ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและปลอดภัย หากคมทื่อหรือบิ่นควรรีบนำไปลับคมใหม่
  • ปลายด้ามที่ใช้รับแรงตอกต้องไม่บานหรือแตก หากมีการบานออกควรรีบแต่งปลายด้ามให้เรียบเพื่อป้องกันเศษโลหะกระเด็นขณะใช้งาน
  • ควรเก็บสกัดแยกจากเครื่องมืออื่น ๆ ในกล่องเครื่องมือที่มีช่องเฉพาะ หรือในซองใส่ เพื่อป้องกันคมตัดเสียหาย และป้องกันไม่ให้คมไปทำลายเครื่องมืออื่น

9. สว่าน

สกัดสำหรับเจาะหรือกะเทาะวัสดุ

สว่าน คือเครื่องมือช่างที่ใช้สำหรับเจาะรูในวัสดุประเภทต่างๆ เช่น ไม้ โลหะ หรือคอนกรีต โดยทำงานด้วยการหมุนดอกสว่านด้วยความเร็วสูง ช่วยให้การสร้างรูสำหรับยึดหรือติดตั้งทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ รวมถึงยังใช้แทนการหมุนไขควงได้เพื่อลดเวลาการทำงาน

วิธีใช้: สว่านมีหน้าที่หลักคือการเจาะรู โดยผู้ใช้จะต้องเลือกดอกสว่านให้เหมาะสมกับชนิดของวัสดุและความลึกที่ต้องการ สำหรับการเจาะ ควรเริ่มต้นด้วยความเร็วต่ำเพื่อกำหนดตำแหน่ง จากนั้นจึงเพิ่มความเร็วและออกแรงกดที่มั่นคง

นอกจากนี้ สว่านรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ยังมาพร้อมฟังก์ชันการขันและคลายสกรู โดยสามารถเปลี่ยนหัวจับเป็นดอกไขควง (Driver Bit) ได้ ทำให้สามารถใช้แทนไขควงไฟฟ้าเพื่อติดตั้งหรือรื้อถอนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยลดเวลาการทำงานได้อย่างมาก

วิธีดูแลและการเก็บรักษา:

  • ใช้ผ้าหรือแปรงทำความสะอาดเศษฝุ่น ผงจากการเจาะ รวมถึงคราบน้ำมันที่ติดอยู่ตามตัวเครื่องและช่องระบายอากาศ เพื่อป้องกันความร้อนสะสม
  • ควรถอดดอกสว่านหรือดอกไขควงออกจากหัวจับทุกครั้งหลังการใช้งาน เพื่อลดแรงตึงที่หัวจับและป้องกันอันตรายจากการหมุนโดยไม่ตั้งใจ
  • จัดเก็บสว่านไว้ในกล่องหรือในบริเวณที่ไม่มีความชื้นสูง และเก็บให้พ้นจากมือเด็กหรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง
  • หากเป็นสว่านมีสาย ควรตรวจสอบสภาพสายไฟไม่ให้ชำรุด หากเป็นสว่านไร้สาย ควรถอดแบตเตอรี่ออกจากตัวเครื่องหากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน

10. กบไสไม้

กบไสไม้แบบใช้มือ

กบไสไม้ คือเครื่องมือช่างที่ใช้สำหรับปรับแต่งผิวหน้าของไม้ให้เรียบเนียน ได้ระดับ หรือลดความหนาของไม้ตามที่ต้องการ เครื่องมือนี้มีความจำเป็นในงานช่างไม้และงานเฟอร์นิเจอร์ เพื่อกำจัดเสี้ยน รอยแตก หรือความไม่สม่ำเสมอของเนื้อไม้ ทำให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพและพร้อมสำหรับการตกแต่งขั้นต่อไป โดยมีทั้งแบบใช้มือ (Manual Hand Plane) และแบบไฟฟ้า (Electric Planer)

วิธีใช้: การใช้งานที่ถูกต้องคือการปรับตั้งใบมีดให้กินเนื้อไม้ในระดับที่เหมาะสม (ไม่กินลึกเกินไป) และไสไปตามความยาวของไม้ด้วยความเร็วและแรงกดที่สม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผิวที่เรียบเสมอกันตลอดทั้งแผ่น

วิธีดูแลและการเก็บรักษา:

  • หลังการใช้งาน ควรกำจัดเศษขี้เลื่อยและฝุ่นไม้ที่สะสมอยู่บนตัวเครื่องและบริเวณใบมีดออกให้หมดจด โดยเฉพาะบริเวณช่องระบายอากาศของกบไฟฟ้า
  • หากพบว่าใบมีดทื่อหรือชำรุด ควรลับคมให้คมเหมือนเดิม หรือเปลี่ยนใบมีดใหม่ตามความจำเป็น
  • ควรสวมปลอกป้องกันใบมีด (ถ้ามี) แล้วจัดเก็บกบไสไม้ไว้ในกล่องหรือที่เก็บที่แห้งและมั่นคง

วิธีดูแลและทำความสะอาดเครื่องมือช่างที่เกิดสนิม

นอกจากการทำความเข้าใจประเภทของเครื่องมือช่าง วิธีใช้ วิธีเก็บรักษาแล้ว การดูแลความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ยังช่วยลดโอกาสในการเกิดสนิม คราบสกปรก ที่ทำให้เครื่องมือเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร โดยวิธีที่นิยมในการทำความสะอาดอุปกรณ์ที่เกิดสนิมให้กลับมาใช้งานได้ดีขึ้น มีดังนี้

1. ใช้น้ำส้มสายชูและเบคกิ้งโซดา

น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งช่วยกัดคราบหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ รวมถึงรอยสนิมได้เป็นอย่างดี ส่วนเบคกิ้งโซดา (โซเดียมไบคาร์บอเนต) มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน ๆ เมื่อนำมาผสมกันจะเกิดปฏิกิริยาฟู่ที่ช่วยให้สามารถขจัดคราบสนิมได้ง่ายยิ่งขึ้น

วิธีขจัดสนิมด้วยน้ำส้มสายชูและเบคกิ้งโซดาสามารถทำได้โดยการเริ่มต้นจากการ แช่เครื่องมือที่เป็นสนิมในน้ำส้มสายชูขาว เป็นเวลา 3-24 ชั่วโมงตามความหนาของสนิม หลังจากนั้นให้นำมา ขัดออกด้วยแปรงทองเหลืองหรือฝอยขัดหม้อ หากสนิมหนามาก ให้ผสมน้ำส้มสายชูกับเบคกิ้งโซดาให้เป็น เนื้อครีมข้น เพื่อป้ายทิ้งไว้ก่อนขัด เมื่อขัดสนิมออกจนหมดแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการ ล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งสนิททันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสนิมขึ้นมาใหม่

2. ใช้น้ำอัดลม

น้ำอัดลมมีส่วนผสมของกรดคาร์บอนิก ซึ่งเกิดจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อละลายน้ำ นอกจากนี้ในน้ำอัดลมบางยี่ห้อยังมีกรดฟอสฟอริก ซึ่งสารเหล่านี้มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ที่สามารถช่วยในการกัดกร่อนสิ่งสกปรก รวมถึงคราบสนิมบนพื้นผิวโลหะได้ โดยแช่เครื่องมือที่ต้องการทำความสะอาดไว้ 5-10 นาที หรือนานกว่านั้นหากสนิมหนามาก นำเครื่องมือมาขัดทำความสะอาด และล้างน้ำเปล่าเพื่อกำจัดคราบน้ำอัดลมและน้ำตาลออกให้หมดจด จากนั้นต้องเช็ดให้แห้งสนิททันที หรืออาจใช้สเปรย์หล่อลื่น (WD-40) ฉีดเคลือบไว้เพื่อป้องกันความชื้นและสนิมในอนาคต

3. ใช้มันฝรั่งและเกลือ

ในเนื้อมันฝรั่งมีสารที่เรียกว่า กรดออกซาลิก ซึ่งสามารถกำจัดสนิมได้ดี หลายคนจึงนิยมนำมันฝรั่งดิบมาบดและพอกบริเวณที่มีสนิมบนโลหะ และเป็นอีกหนึ่งเทคนิคสำหรับการดูแลเครื่องมือช่าง วิธีใช้ การเก็บรักษาที่น่าสนใจ วิธีใช้คือการโรยเกลือเล็กน้อยบนมันฝรั่งดิบที่บดแล้วพอกทิ้งไว้ จากนั้นขัดทำความสะอาดให้ทั่วบริเวณที่เป็นสนิม ก่อนนำไปเช็ดให้แห้งสนิท

4. ใช้กระดาษทราย

กระดาษทราย ถือเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมที่ใช้ในการเก็บรักษา เครื่องมืองานช่าง โดยนำกระดาษทรายมาขัดบริเวณที่มีสนิม อย่างไรก็ตาม วิธีนี้มักนิยมใช้กับเครื่องมือที่มีขนาดใหญ่ หรือมีผิวเรียบ ไม่มีซอกหลืบมากนัก เพราะกระดาษทรายอาจเข้าไปขัดทำความสะอาดในบริเวณที่เข้าถึงยากได้ไม่ทั่วถึง

5. ใช้เครื่องเจียร

การใช้เครื่องเจียร หรือที่ช่างนิยมเรียกว่า “ลูกหมู” เป็นวิธีที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดสนิม โดยเฉพาะบนพื้นที่ขนาดใหญ่หรือชิ้นงานที่มีสนิมเกาะแน่นและฝังลึก แต่มีข้อจำกัดคือใบขัดมีขนาดใหญ่ อาจเข้าไม่ถึงซอกมุมเล็ก ๆ หรือบริเวณที่มีรายละเอียดซับซ้อน รวมถึงหากใช้แรงกดมากเกินไปอาจ กินเนื้อโลหะส่วนที่ดีของชิ้นงาน ทำให้พื้นผิวไม่เรียบเสมอกันได้

โดยสรุปแล้ว การทำความเข้าใจวิธีการเก็บรักษา เครื่องมือช่าง รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง คือสิ่งที่ช่างไฟฟ้า รวมถึงผู้ปฏิบัติงานอื่น ๆ จำเป็นต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานมีเสถียรภาพ ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือปัญหาภายหลัง และนอกจากเครื่องมือเหล่านี้แล้ว การเลือกอุปกรณ์ติดตั้งระบบไฟฟ้า อาทิ ราง Cable Tray ข้อต่อ หรือหัวปิดท้าย ที่ผลิตจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน ไม่เป็นสนิม จะช่วยยืดอายุให้ระบบไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ยาวนาน สะดวกในการตรวจสอบ ซ่อมบำรุง รวมทั้งสร้างมาตรฐานในการทำงานได้อย่างยั่งยืน

KJL ผู้นำนวัตกรรมตู้ไฟ รางไฟ ที่ใส่ใจทุกมาตรฐานการผลิต เพื่อการติดตั้งระบบไฟฟ้าที่สะดวก ปลอดภัย ด้วยอุปกรณ์อย่างตู้ไฟสวิตช์บอร์ด รางวายเวย์ รางเคเบิ้ลเทรย์ พูลบ็อกซ์ ฯลฯ ควบคุมการผลิตด้วยระบบ CNC ทำให้ได้ชิ้นงานที่แม่นยำ ติดตั้งได้อย่างปลอดภัย พร้อมเคลือบผิวด้วยเทคโนโลยีพ่นสีฝุ่น Electrostatic Powder Coatings ให้ผิวสัมผัสที่เรียบ เงางาม ป้องกันความชื้นจากภายนอก ลดโอกาสเกิดสนิม ให้ระบบไฟฟ้าใช้งานได้ยาวนานอย่างมั่นใจ

KJL ผู้นำนวัตกรรมตู้ไฟ รางไฟ ที่ช่างไฟเชื่อมั่น ด้วยเทคโนโลยีการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น
สอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่ 

LINE Official Account: @KJL.connect หรือคลิก https://lin.ee/lzVhFfo

Facebook: facebook.com/KJLElectric

Related Article บทความสาระน่ารู้อื่น ๆ

มัลติมิเตอร์ คืออะไร มีอะไรบ้าง? ที่ใช้สำหรับงานไฟฟ้า

มัลติมิเตอร์ คืออะไร มีอะไรบ้าง? ที่ใช้สำหรับงานไฟฟ้า

รู้จักกับคลื่นไมโครเวฟ คุณสมบัติพิเศษ และหลักการทำงาน

รู้จักกับคลื่นไมโครเวฟ คุณสมบัติพิเศษ และหลักการทำงาน

แชร์ 15 มาตรการป้องกันอัคคีภัยในโรงงานอุตสาหกรรม

แชร์ 15 มาตรการป้องกันอัคคีภัยในโรงงานอุตสาหกรรม