ปัจจุบันเทคโนโลยีและการก่อสร้างอาคารมีความซับซ้อนมากขึ้น ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ จึงเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน โดยข้อมูลจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม พบว่า “การเกิดอุบัติเหตุในโรงงานตลอดปี 2567 มีสาเหตุมาจากอัคคีภัยมากที่สุดถึง 107 ครั้ง หรือราว ๆ 75% ของอุบัติเหตุทั้งหมด” ยิ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นของการมีระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ในการเป็น “ด่านแรก” ตรวจจับและแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ Fire Alarm คืออะไร?
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ หรือ Fire Alarm คือ ระบบความปลอดภัยที่มีวัตถุประสงค์หลักในการตรวจจับสัญญาณของเหตุเพลิงไหม้ที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นจะส่งสัญญาณเตือนภัยให้ผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นได้รับรู้ และอพยพออกจากพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที
ระบบไฟอราม นี้ประกอบด้วยอุปกรณ์หลายส่วนที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การตรวจจับควัน ความร้อน หรือเปลวไฟ ไปจนถึงการส่งสัญญาณเตือนภัยทั้งด้วยเสียงและแสง รวมถึงการเชื่อมโยงกับระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการระงับเหตุหรืออำนวยความสะดวกในการอพยพ
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ Fire Alarm มีกี่ประเภท อะไรบ้าง?
ระบบไฟอราม มีหลากหลายประเภท ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการและลักษณะของอาคารที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ได้ดังนี้
1. ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้แบบแบ่งโซน (Conventional Fire Alarm System)
ระบบแจ้งเหตุแบบพื้นฐาน ที่แบ่งพื้นที่ออกเป็นโซน (Zone) หรือเขตตรวจจับต่าง ๆ เมื่อมีอุปกรณ์ตรวจจับใด ๆ ในโซนนั้นทำงาน แผงควบคุมจะแสดงผลว่าเกิดเหตุในโซนใด แต่จะไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของอุปกรณ์ที่ส่งสัญญาณได้ เหมาะสำหรับอาคารขนาดเล็ก หรือพื้นที่ที่มีการแบ่งโซนชัดเจนไม่ซับซ้อนมากนัก
2. ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้แบบระบุตำแหน่ง (Addressable Fire Alarm System)
ระบบที่มีความสามารถสูงกว่าระบบ Conventional โดยอุปกรณ์ตรวจจับแต่ละตัวจะมี “ที่อยู่” หรือ Address เฉพาะตัว ทำให้เมื่อเกิดเหตุ แผงควบคุมจะสามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของอุปกรณ์ที่ส่งสัญญาณได้อย่างละเอียด ไม่ใช่แค่บอกโซนเท่านั้น ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ประเภทนี้เหมาะสำหรับอาคารขนาดใหญ่ อาคารสูง หรืออาคารที่มีความซับซ้อน ซึ่งต้องการความรวดเร็วและแม่นยำในการระบุจุดเกิดเหตุ
3. ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้แบบไร้สาย (Wireless Fire Alarm System)
ระบบที่ใช้วิธีการสื่อสารแบบไร้สายระหว่างอุปกรณ์ตรวจจับกับแผงควบคุม ช่วยลดความจำเป็นในการเดินสายไฟฟ้า ทำให้ติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการความยืดหยุ่นในการติดตั้ง หรืออาคารเก่าที่ไม่ต้องการการรื้อถอนเพื่อเดินสายไฟใหม่ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการวางแผนเรื่องแบตเตอรี่และการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์
4. ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้แบบอัจฉริยะ (Intelligent Fire Alarm System)
ระบบที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Addressable Fire Alarm System โดยอุปกรณ์ตรวจจับสามารถสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อนกว่า เช่น ระดับความเข้มข้นของควันหรือความร้อน ทำให้แผงควบคุมสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อลดการแจ้งเตือนที่ผิดพลาด (False Alarm) และยังสามารถปรับความไวในการตรวจจับได้เอง ทำให้ระบบมีความแม่นยำสูง
5. ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้แบบสุ่มอากาศ (Aspiration Fire Detection System)
เรียกอีกชื่อว่า Very Early Warning Fire Detection (VEWFD) เป็นระบบที่ใช้พัดลมดูดอากาศจากพื้นที่ต่าง ๆ ผ่านท่อและนำตัวอย่างอากาศมาวิเคราะห์ในห้องตรวจจับที่มีความไวสูง ทำให้สามารถตรวจจับอนุภาคควันได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของการเกิดเพลิงไหม้ ก่อนที่ควันจะมองเห็นด้วยตาเปล่า เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง หรือต้องการการตรวจจับที่รวดเร็วเป็นพิเศษ เช่น ห้องเซิร์ฟเวอร์ ห้องควบคุม หรือห้องเก็บเอกสารสำคัญที่ต้องการความเสียหายให้น้อยที่สุด ระบบไฟอราม ประเภทนี้จึงถือเป็นที่สุดของความไวในการตรวจจับ

อุปกรณ์สำหรับติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ Fire Alarm มีอะไรบ้าง?
ในการทำงานของ ระบบไฟอราม นั้น ต้องอาศัยการประสานงานของอุปกรณ์หลายส่วน เพื่อให้ระบบสามารถตรวจจับและแจ้งเตือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อุปกรณ์หลัก ๆ ประกอบด้วย
แหล่งจ่ายไฟ (Power Supply)
ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าหลักให้กับแผงควบคุมและอุปกรณ์ทั้งหมดของระบบ โดยมักจะมีแบตเตอรี่สำรองเพื่อรับประกันการทำงานต่อเนื่องในกรณีที่ไฟฟ้าดับ
แผงควบคุม (Fire Alarm Control Panel – FCP)
ถือเป็น “สมอง” ของระบบ ทำหน้าที่รับสัญญาณจากอุปกรณ์ตรวจจับ วิเคราะห์ข้อมูล และส่งสัญญาณคำสั่งไปยังอุปกรณ์แจ้งเตือน รวมถึงแสดงสถานะการทำงานต่าง ๆ ของระบบบนหน้าจอ
- Main Sound Buzzer: สัญญาณเสียงเตือนหลักที่ดังเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้
- Fire Lamp: ไฟแสดงสถานะเมื่อระบบตรวจจับเหตุเพลิงไหม้
- Zone Lamp: ไฟแสดงโซนหรือพื้นที่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ (สำหรับ Conventional System) หรือไฟแสดงตำแหน่งอุปกรณ์ (สำหรับ Addressable System)
- Trouble Lamp: ไฟแสดงสถานะความผิดปกติของระบบ เช่น สายไฟขาด หรืออุปกรณ์ชำรุด
- Control Switch: ปุ่มควบคุมการทำงานต่าง ๆ เช่น การกด Reset, Silence Alarm, หรือ Test System
อุปกรณ์เริ่มสัญญาณ (Initiating Devices)
อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ตรวจจับเหตุเพลิงไหม้ หรือเป็นจุดที่ผู้ใช้งานสามารถแจ้งเหตุด้วยตนเองได้ ระบบไฟอราม จะรับสัญญาณจากอุปกรณ์เหล่านี้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก คือ
อุปกรณ์เริ่มสัญญาณแบบมือดึง (Manual Station)
อุปกรณ์ที่ผู้คนสามารถกดหรือดึงเพื่อแจ้งเหตุเพลิงไหม้ด้วยตนเองได้ทันทีที่พบเห็นเหตุการณ์ มักติดตั้งอยู่ตามทางเดิน บันไดหนีไฟ หรือทางออกต่างๆ
อุปกรณ์เริ่มสัญญาณโดยอัตโนมัติ (Detectors)
อุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณของเพลิงไหม้อัตโนมัติ และส่งสัญญาณไปยังแผงควบคุมเมื่อตรวจพบความผิดปกติ ระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ จะเริ่มทำงานจากอุปกรณ์เหล่านี้ ได้แก่
1. อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟ (Smoke Detector): ทำหน้าที่ตรวจจับอนุภาคควันในอากาศ แบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก คือ
ชนิด Ionization: ตรวจจับอนุภาคควันขนาดเล็กที่เกิดจากการเผาไหม้ที่รวดเร็ว
ชนิด Photoelectric (Optical): ตรวจจับอนุภาคควันขนาดใหญ่ที่เกิดจากการเผาไหม้ช้า ๆ มีควันหนา
2. อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector): ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ แบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก คือ
ชนิด Fixed Temperature: จะทำงานเมื่ออุณหภูมิถึงจุดที่กำหนดไว้
ชนิด Rate-of-Rise: จะทำงานเมื่ออุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ
3. อุปกรณ์ตรวจจับเปลวไฟ (Flame Detector): ตรวจจับรังสีอินฟราเรด (IR) หรือรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่เกิดจากเปลวไฟ แบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก คือ
ชนิด UV (Ultraviolet): ตรวจจับรังสีอัลตราไวโอเลตจากเปลวไฟ
ชนิด IR (Infrared): ตรวจจับรังสีอินฟราเรดจากเปลวไฟ
4. อุปกรณ์ตรวจจับแก๊ส (Gas Detector): ตรวจจับการรั่วไหลของแก๊สที่อาจเป็นอันตรายหรือเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ได้
5. อุปกรณ์ตรวจสอบน้ำไหล (Water Flow Switch): อุปกรณ์ที่ติดตั้งในระบบท่อดับเพลิง ทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังแผงควบคุมเมื่อมีการไหลของน้ำในท่อ ซึ่งบ่งบอกว่าระบบ Sprinkler อาจทำงาน
อุปกรณ์แจ้งเหตุเพลิงไหม้ด้วยเสียงและแสง (Audible & Visual Signalling Alarm Devices)
ทำหน้าที่ในการส่งสัญญาณเตือนภัยเมื่อระบบตรวจจับเพลิงไหม้ทำงาน โดยจะแปลงสัญญาณจากแผงควบคุมเป็นการแจ้งเตือนที่ชัดเจน เพื่อให้คนในพื้นที่รับรู้เหตุการณ์และสามารถอพยพได้อย่างรวดเร็ว อุปกรณ์เหล่านี้ได้แก่ กระดิ่งเตือนภัย สัญญาณไฟกะพริบ และลำโพงประกาศเสียง เป็นต้น
อุปกรณ์เสริม (Auxiliary Devices)
ทำหน้าที่เชื่อมโยงระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm System) เข้ากับระบบอื่น ๆ ของอาคาร ช่วยอำนวยความสะดวกในการอพยพให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การสั่งการให้ระบบการทำงานของลิฟต์ลงมายังชั้นล่างสุดและเปิดประตูค้างไว้, ระบบควบคุมประตูหนีไฟและประตูกันควันให้เปิดอัตโนมัติ, หรือระบบควบคุมการเปิด-ปิดพัดลมของระบบปรับอากาศเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของควัน

ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ Fire Alarm มีหลักการทำงานอย่างไร?
ตรวจจับความร้อน/ควัน
เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ อุปกรณ์เริ่มสัญญาณอัตโนมัติ (Detectors) จะตรวจจับความร้อน ควัน หรือเปลวไฟที่ผิดปกติจากเหตุการณ์ไฟไหม้ โดยใช้เซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้ในพื้นที่นั้น ๆ นอกจากนี้ หากมีผู้พบเห็นเหตุการณ์ ก็สามารถกดอุปกรณ์เริ่มสัญญาณแบบมือดึง (Manual Station) เพื่อแจ้งเหตุได้ทันที
ส่งสัญญาณเตือน
เมื่ออุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณที่มีความผิดปกติ หรือมีการกดแจ้งเหตุด้วยมือ สัญญาณจะถูกส่งไปยังแผงควบคุม (Fire Alarm Control Panel – FCP) ทันที ระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ ที่แผงควบคุมจะทำการประมวลผลและยืนยันว่าเป็นเหตุเพลิงไหม้จริง
ตอบสนอง
แผงควบคุมจะสั่งการให้กระดิ่งเตือนภัยหรือแตรไฟฟ้าดังขึ้น พร้อมกับสัญญาณไฟกะพริบ เพื่อแจ้งเตือนผู้ที่อยู่ในอาคารให้รับทราบ นอกจากนี้ แผงควบคุมยังสามารถส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เพื่อสั่งการระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอพยพและการระงับเหตุเพลิงไหม้ เช่น การเปิดประตูหนีไฟ การหยุดการทำงานของระบบปรับอากาศเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของควัน หรือการส่งสัญญาณไปยังสถานีดับเพลิง
บันทึกข้อมูล
แผงควบคุมจะบันทึกข้อมูลเหตุการณ์ทั้งหมด รวมถึงเวลาที่เกิดเหตุและตำแหน่งของอุปกรณ์ที่ส่งสัญญาณเตือน ซึ่งเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบสาเหตุและวางแผนการแก้ไขในอนาคต
Fire Alarm คือ หัวใจสำคัญของความปลอดภัยด้านอัคคีภัยในทุกอาคาร การทำความเข้าใจประเภทของระบบ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และหลักการทำงาน จะช่วยให้เราสามารถเลือกระบบที่เหมาะสม ติดตั้งได้อย่างถูกต้อง และดูแลรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
เพื่อให้ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ของคุณทำงานได้อย่างสมบูรณ์และเป็นระเบียบ KJL ขอแนะนำ รางวายเวย์ และ Cable Tray คุณภาพสูง เพื่อใช้ในการจัดเก็บและปกป้องสายไฟฟ้าของระบบ Fire Alarm ให้เป็นระเบียบ ปลอดภัย และง่ายต่อการบำรุงรักษา ช่วยเสริมความแข็งแกร่งและยืดอายุการใช้งานของระบบความปลอดภัยในอาคาร